GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 21 ก.ย.64 by YLG

319

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

เข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะด้วยความระมัดระวังเนื่องจากราคาขยับขึ้นค่อนข้างน้อย โดยเข้าซื้อเมื่อราคายืนเหนือบริเวณ 1,754-1,739 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ และทยอยปิดสถานะทำกำไรหากไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,767-1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,739 1,713 1,697  แนวต้าน : 1,767 1,779 1,802

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น  10.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยในช่วงต้นของการซื้อขายในตลาดเอเชีย  ราคาทองคำร่วงลงไปทดสอบระดับต่ำสุดในรอบมากกว่า 1 เดือนบริเวณ 1,742.71 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากการแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์  อย่างไรก็ดี  นักลงทุนบางส่วนเริ่มเข้ามาช้อนซื้อเพื่อทำกำไรจากการปรับตัวลงของราคา  ประกอบกับเกิดแรงซื้อทางเทคนิคหลังจากเกิดสัญญาณที่สะท้อนว่าแรงขายชะลอตัวลง  นั่นทำให้ราคาทองคำค่อยๆฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง  แต่ปัจจัยพื้นฐานที่อยู่เบื้องหลังการทะยานขึ้นของราคาทองคำเมื่อวานนี้  มาจากความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน ที่ทำให้นักวิเคราะห์บางรายออกมาเตือนว่าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก  ความวิตกดังกล่าวกดดันตลาดหุ้นเอเชีย  ตลาดหุ้นยุโรป และตลาดหุ้นสหรัฐให้ดิ่งลงอย่างหนัก  ทั้งนี้  ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดร่วงลงเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีนี้  ซึ่งการดิ่งลงของสินทรัพย์เสี่ยงได้กระตุ้นแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยในวงกว้าง  ทั้งทองคำ  ดัชนีดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย  รวมไปถึงพันธบัตรส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ10ปีปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดที่1.2972% จนเป็นปัจจัยหนุนทองคำเพิ่ม  ปัจจัยที่กล่าวมาช่วยหนุนให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นกว่า 20 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับต่ำสุดในระหว่างวันสู่ระดับสูงสุดบริเวณ 1,767.01  ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ยังคงต้องติดตามการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์เสี่ยง  รวมถึงติดตามการเปิดเผยการอนุญาตก่อสร้างและข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค :

หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,767 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปได้ อาจมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นให้กลับลงมาตั้งฐานราคาด้านล่างบริเวณ 1,754-1,739 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง เบื้องต้นประเมินว่าราคายังคงเคลื่อนไหวในกรอบและพยายามทรงตัว หากยืนราคาระดับนี้ได้ จะมีแรงดีดกลับไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,767-1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

เปิดสถานะซื้อลงทุนระยะสั้น หากราคาทองคำยืนเหนือบริเวณ 1,754-1,739 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาทุนหากราคาหลุด 1,739 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ราคาทองคำมีโอกาสที่จะดีดตัวขึ้นไปได้ โดยหากราคาทองคำดีดตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,767-1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือไม่สามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวแนะนำให้ปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไร

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) จับตาระเบิดเวลา “เอเวอร์แกรนด์” 23 ก.ย. ครบกำหนดจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน ซึ่งกำลังเผชิญปัญหาวิกฤตสภาพคล่อง มีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ของบริษัท 2 งวดในเดือนนี้  ทั้งนี้ เอเวอร์แกรนด์มีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยวงเงิน 83.5 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2,780 ล้านบาท ในวันที่ 23 ก.ย.ของหุ้นกู้ที่มีกำหนดครบอายุเดือนมี.ค.2565 และมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยวงเงิน 47.5 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,580 ล้านบาท ในวันที่ 29 ก.ย.ของหุ้นกู้ที่ครบอายุเดือนมี.ค.2567  หากเอเวอร์แกรนด์ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยเมื่อถึงวันกำหนดชำระดังกล่าว ทางบริษัทจะมีเวลาอีก 30 วันในการชำระดอกเบี้ย มิฉะนั้นจะถือว่าบริษัทผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้  หากเอเวอร์แกรนด์ตกอยู่ในสภาพผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ทางบริษัทจะต้องทำการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งคาดว่านักลงทุนที่เข้าซื้อหุ้นกู้ของเอเวอร์แกรนด์จะได้รับส่วนแบ่งการชำระคืนในสัดส่วนต่ำ
  • (+) พิษ “เอเวอร์แกรนด์” ฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งหนักวันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงอย่างหนักในวันนี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน ซึ่งนักวิเคราะห์เตือนว่าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก  ดัชนี MSCI All Country World Index ลบ 0.6% ในวันนี้ ใกล้แตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน หลังพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงต้นเดือนก.ย.  ส่วนดัชนี MSCI Asia-Pacific ex-Japan ร่วงลง 1.7% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.  ตลาดหุ้นยุโรปดิ่งลง 2.3% ในวันนี้ และมีแนวโน้มปรับตัวย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2563
  • (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 614.41 จุด กังวลวิกฤตเอเวอร์แกรนด์ฉุดศก.โลก  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดร่วงลงเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,970.47 จุด ลดลง 614.41 จุด หรือ -1.78% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,357.73 จุด ลดลง 75.26 จุด หรือ -1.70% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,713.90 จุด ลดลง 330.07 จุด หรือ -2.19%
  • (-) ดอลล์แข็งค่า วิกฤตเอเวอร์แกรนด์หนุนแรงซื้อสกุลเงินปลอดภัย  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) โดยนักลงทุนพากันเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมสัปดาห์นี้  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.09% แตะที่ 93.2760 เมื่อคืนนี้  ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1723 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1729 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3644 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3738 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7237 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7273 ดอลลาร์  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.36 เยน จากระดับ 109.91 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9277 ฟรังก์ จากระดับ 0.9322 ฟรังก์ แต่เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2827 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2745 ดอลลาร์แคนาดา
  • (-) อดีตปธ.เฟดนิวยอร์กฟันธงเฟดเดินหน้าหั่น QE ไม่สนหุ้นร่วงวันนี้นายวิลเลียม ดัดลีย์ อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ระบุในวันนี้ว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกที่ทรุดตัวลงในวันนี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน จะไม่ส่งผลให้เฟดเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)  “เฟดจะไม่มีปฏิกริยาต่อความเคลื่อนไหวในตลาดเพียงเล็กน้อย โดยเลื่อนแผนการปรับลด QE” นายดัดลีย์กล่าว  นอกจากนี้ นายดัดลีย์ยังเปิดเผยว่า “ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงตามตลาดหุ้นแห่งอื่น ขณะที่นักลงทุนกังวลว่าวิกฤตการณ์จากการผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์จะลุกลามออกไป และกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีน รวมทั้งเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลก”  อย่างไรก็ดี นายดัดลีย์คาดว่า เฟดจะส่งสัญญาณในการประชุมสัปดาห์นี้ว่า เฟดจะทำการปรับลด QE ในการประชุมเดือนพ.ย.
  • (-) สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านฟื้นตัวในเดือนก.ย.สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านบวก 1 จุด สู่ระดับ 76 ในเดือนก.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากราคาไม้ที่ปรับตัวลง  ดัชนีความเชื่อมั่นอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงมุมมองโดยทั่วไปที่เป็นบวก

- Advertisement -

Comments
Loading...