GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 21 ก.ย.64 by HGF

314

- Advertisement -

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

ทองคำขึ้นจากกังวลการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์

คืนนี้สหรัฐจะประกาศการอนุญาตก่อสร้างการเริ่มสร้างบ้าน

ราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ1,750-1,770  ดอลลาร์

  • ราคาทองคำSpot เมื่อวานในช่วงกลางวันปรับลดลงต่อเนื่องหลุดแนวรับสำคัญ 1,750 ดอลลาร์ แต่ในช่วงกลางคืนราคาทองคำปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องเนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยหลังตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนัก ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีนทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ถือครองทองคำเท่าเดิมเมื่อวานหลังจากสัปดาห์ก่อนขายทองคำ 3.49 ตัน
  • การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มขึ้นในวันนี้และจะทราบผลการประชุมในคืนพรุ่งนี้ ส่วนคืนนี้สหรัฐจะประกาศการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค.ตลาดคาดลดลงเหลือ1.6ล้านยูนิต จาก 1.63ล้านยูนิตในเดือนก.ค.การเริ่มสร้างบ้านเดือนส.ค. ตลาดคาดเพิ่มขึ้นเป็น 1.55ล้านยูนิต จาก 1.53ล้านยูนิตในเดือนก.ค.
  • แนวโน้มราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ1,750-1,770 ดอลลาร์ ทั้งนี้ยังต้องระวังแรงเทขายซึ่งอาจจะทำให้มีแนวโน้มปรับลดลงสู่แนวรับ  1,700 ดอลลาร์ได้ระยะสั้นทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,750 ดอลลาร์และ 1,730 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,770 ดอลลาร์และ 1,780 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,764.00+10.61,750/1,7301,770/1,780

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
27,750-5027,600/27,35027,900/28,100

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,000+12027,770/27,49028,060/28,220

การเข้าซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวแนะนำที่ราคาทอง Spot1,750 ดอลลาร์ (GF 27,770 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,740 ดอลลาร์(GF 27,640 บาท) รวมทั้งแนะนำเปิดสถานะขายเมื่อราคาทอง Spot ปรับขึ้นมาที่บริเวณ 1,770 ดอลลาร์ (GF 28,060บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,780 ดอลลาร์ (GF 28,220บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,764.60+5.101,752/1,7321,772/1,782


การเข้าซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวแนะนำที่ราคา GOU211,752 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,742 ดอลลาร์รวมทั้งแนะนำเปิดสถานะขายเมื่อราคา GOU21ปรับขึ้นมาที่บริเวณ 1,772 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,782ดอลลาร์

- Advertisement -

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดอ่อนค่าลงทั้งนี้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆโดยนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน และการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจส่งสัญญาณปรับลดวงเงินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมสัปดาห์นี้ซึ่งUSD Futures เดือนก.ย.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33.20บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน  33.50 บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์แข็งค่าวิกฤตเอเวอร์แกรนด์หนุนแรงซื้อสกุลเงินปลอดภัย

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (20 ก.ย.) โดยนักลงทุนพากันเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่าเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ปซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีนนอกจากนี้ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมสัปดาห์นี้ทั้งนี้ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.09% แตะที่ 93.2760 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดบวก $12.4 นลท.ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหลังหุ้นร่วงหนัก

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (20 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังตลาดหุ้นสหรัฐและทั่วโลกร่วงลงอย่างหนักท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่าเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ปบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีนทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 12.4 ดอลลาร์หรือ 0.71% ปิดที่ 1,763.8 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 13.3 เซนต์หรือ 0.6% ปิดที่ 22.204 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดร่วง $1.68 เหตุวิตกปัญหาเอเวอร์แกรนด์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% เมื่อคืนที่ผ่านมา (20 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่าเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ปซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีนนอกจากนี้การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมันสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.68 ดอลลาร์หรือ 2.3% ปิดที่ 70.29 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.42 ดอลลาร์หรือ 1.9% ปิดที่ 73.92 ดอลลาร์/บาร์เรล

ตลาดหุ้นต่างประเทศ : ดาวโจนส์ปิดร่วง 614.41 จุดกังวลวิกฤตเอเวอร์แกรนด์ฉุดศก.โลก

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 600 จุดเมื่อคืนที่ผ่านมา (20 ก.ย.) ขณะที่ดัชนีS&P500 และNasdaqปิดร่วงลงเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีนี้เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่าเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ปซึ่งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,970.47 จุดลดลง 614.41 จุดหรือ -1.78% ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,357.73 จุดลดลง 75.26 จุดหรือ -1.70% ดัชนีNasdaqปิดที่ 14,713.90 จุดลดลง 330.07 จุดหรือ -2.19%

นักวิเคราะห์ชี้วิกฤตเอเวอร์แกรนด์เสี่ยงกระทบตลาดอสังหาฯจีนแบบโดมิโน

นักวิเคราะห์จากบริษัทอัลไลแอนซ์เบิร์นสไตน์ (AllianceBernstein) เตือนว่าบริษัทในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างหนักมีความเสี่ยงสูงที่จะล้มละลายหลังจากที่บริษัทไชน่าเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ป (China Evergrande Group) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดอันดับ2ของจีนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้   “มีบริษัทอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากที่ส่งสัญญาณว่ากำลังประสบปัญหาอย่างหนักบริษัทเหล่านี้ไม่สามารถประคองธุรกิจต่อไปได้นานหากช่องทางในการรีไฟแนนซ์ยังคงถูกปิดกั้นต่อไป” นางเจนนีเจิงนักวิเคราะห์ของอัลไลแอนซ์เบิร์นสไตน์ให้สัมภาษณ์ในรายการStreet Signs Asia ของสำนักข่าวซีเอ็นบีซีโดยเตือนถึงผลกระทบแบบโดมิโนจากความเสี่ยงที่เอเวอร์แกรนด์อาจล้มละลายนางเจิงยังเตือนด้วยว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆซึ่งมีขนาดเล็กกว่าเอเวอร์แกรนด์และประสบปัญหาเช่นกันนั้นคิดเป็น10-15%ของตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมหากมีการล้มละลายเกิดขึ้นก็อาจส่งผลกระทบ “ในเชิงระบบ” ไปสู่ภาคส่วนอื่นๆของเศรษฐกิจด้วย

“เยลเลน” เตือนเศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงถดถอยหากคองเกรสไม่เพิ่มเพดานหนี้รัฐบาล

นางเจเน็ตเยลเลนรัฐมนตรีคลังสหรัฐเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะพลิกผันจากฟื้นตัวไปเป็นถดถอยหากสภาคองเกรสไม่รีบปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาล    “สภาคองเกรสได้ปรับเพิ่มหรือยกเลิกเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐมาประมาณ80ครั้งนับตั้งแต่ปี2503และขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่สภาคองเกรสต้องดำเนินการดังกล่าวอีกครั้ง” นางเยลเลนเปิดเผย “มิฉะนั้นในเดือนตุลาคมกระทรวงการคลังจะขาดดุลเงินสดและรัฐบาลจะไม่สามารถชำระหนี้ได้” นางเยลเลนเตือนพร้อมย้ำว่าหากไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้จะทำให้เกิด “หายนะทางเศรษฐกิจในวงกว้าง”  “ภายในไม่กี่วันชาวอเมริกันหลายล้านคนอาจขาดแคลนเงินสดเราจะได้เห็นการเลื่อนชำระเงินสำคัญๆออกไปอย่างไม่มีกำหนดผู้สูงอายุเกือบ50ล้านคนอาจไม่ได้เช็คประกันสังคมไปช่วงหนึ่งข้าราชการทหารก็อาจไม่ได้รับค่าจ้าง” นางเยลเลนกล่าวนอกจากนี้นางเยลเลนยังเตือนว่าหากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ก็อาจผลักดันให้เกิดวิกฤตการเงินครั้งประวัติศาสตร์ซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจจากเดิมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักอยู่แล้วจากวิกฤตด้านสาธารณสุขนางเยลเลนกล่าวว่า “การผิดนัดชำระหนี้อาจกระตุ้นให้อัตราดอกเบี้ยพุ่งสูงขึ้น, ราคาหุ้นร่วงลงหนักและเกิดความปั่นป่วนทางการเงินเศรษฐกิจของเราในปัจจุบันจะพลิกผันจากการฟื้นตัวกลายเป็นถดถอยการเติบโตมูลค่านับพันล้านดอลลาร์และงานนับล้านตำแหน่งจะสูญสิ้นและจะทำให้สหรัฐกลายเป็นชาติที่อ่อนแอลงโดยถาวร”   “จะเลื่อนนัดหรือผิดนัดชำระหนี้ก็ไม่อาจเป็นที่ยอมรับได้โดย17เดือนที่ผ่านมานี้ได้ทดสอบความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของชาติเราตอนนี้เราเพิ่งออกจากวิฤตมาได้เราต้องไม่กลับไปจมปลักในอีกวิกฤตที่สามารถหลีกเลี่ยงได้อีก” นางเยลเลนกล่าว

ผู้เชี่ยวชาญเผยโควิด-19คือสัญญาณเตือนให้รับมือวิกฤตขยะอาหารในเอเชียตอ.เฉียงใต้

บรรดาผู้เชี่ยวชาญและบริษัทรายใหญ่ในอุตสาหกรรมเปิดเผยกับCNBC ว่าไวรัสโควิด-19คือสัญญาณเตือนของการต่อสู้กับวิกฤตขยะอาหาร (food waste crisis) ของโลกโดยด่วนผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าโควิด-19ได้เผยให้เห็นถึงช่องโหว่ของเครือข่ายซัพพลายเชนในช่วงเวลาที่ทั่วโลกออกมาตรการล็อกดาวน์และห้ามการเดินทางโดยได้ส่งผลกระทบด้านแรงงานในภาคการเกษตรการขนส่งและโลจิสติกส์จนเกิดภาวะคอขวดเป็นเหตุให้อาหารขาดแคลนและราคาพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก

- Advertisement -

Comments
Loading...