GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 20 ม.ค.65 by HGF

665

- Advertisement -

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

ทองขึ้นแรงจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและรัสเซีย

คืนนี้ติดตามดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย

ราคาทองคำ Spot คาดระยะสั้นมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ต่อ

  • ราคาทองคำ Spot เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นแรงในระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนมาจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงปัจจัยความกังวลจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและรัสเซีย  ในประเด็นเรื่องชายแดนยูเครน หลังจากที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐไม่คาดว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐและรัสเซียจะทำให้ความสัมพันธ์มีความคืบหน้า เนื่องจากรัสเซียส่งทหาร 100,000 นายประชิดชายแดนยูเครน และสามารถเพิ่มกำลังพลได้ทุกเมื่อ ส่งผลทำให้มีแรงซื้อทองคำเข้ามาจากปัจจัยดังกล่าว ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ซื้อทองคำสุทธิ 5.23 ตันจากเมื่อวาน
  • คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนม.ค. ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 18.9 จากระดับ 15.4  ในเดือนธ.ค.   จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตลาดคาดว่าจะลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 227,000 ราย และยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. ตลาดคาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 6.42 จากระดับ 6.46 ล้านยูนิต
  • ราคาทองคำ Spot คาดระยะสั้นมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ต่อ อย่างไรก็ตามหากไม่มีปัจจัยความตึงเครียดระหว่างประเทศเพิ่มเติมอาจเกิดแรงเทขายทำกำไรออกมา ทั้งนี้มีแนวรับที่ 1,820 ดอลลาร์ และแนวรับถัดไป 1,810 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,850 ดอลลาร์ และ 1,860 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,839.20+26.341,820/1,8101,850/1,860

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,45028,400/28,30028,850/28,950

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,770+24028,600/28,48028,960/29,090

- Advertisement -

แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,810 ดอลลาร์ (GF 28,480 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,800 ดอลลาร์ (GF 28,300 บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,844.90+25.701,822/1,8121,852/1,862

แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคา GOH22 ปรับลงมาที่ 1,812 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,802 ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า หลังจากที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าจากที่คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. ในขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาทระยะสั้นคาดแข็งค่าได้ต่อ สำหรับ USD Futures เดือนมี.ค.65 มีแนวรับที่ 32.70  บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 33.30 บาท/ดอลลาร์

News

WHO เตือนโอมิครอนไม่ใช่สายพันธุ์สุดท้าย ขณะติดเชื้อทั่วโลกพุ่งไม่หยุด

          องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะไม่ใช่สายพันธุ์สุดท้ายในการแพร่ระบาดครั้งนี้ แม้ว่าการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนในบางประเทศจะเริ่มลดลงแล้วก็ตาม พร้อมเตือนว่าจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกที่ระดับสูงมีแนวโน้มจะนำไปสู่การกลายพันธุ์เป็นไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่   แพทย์หญิงมาเรีย แวน เคอร์คอฟ หัวหน้าด้านเทคนิคของ WHO กล่าวว่า “เรากำลังได้ยินผู้คนจำนวนพูดว่า โอมิครอนจะเป็นไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์สุดท้ายและทุกอย่างจะจบลงหลังจากนี้ และนั่นไม่จริง เพราะไวรัสนี้กำลังแพร่ระบาดอย่างรุนแรงทั่วโลก”  สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น 20% ทั่วโลกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรวมเกือบ 19 ล้านราย แต่แพทย์หญิงแวน เคอร์คอฟระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่ไม่ได้รายงานอาจทำให้จำนวนตัวเลขจริงสูงกว่านี้มาก   ดร.บรูซ ไอล์วาร์ด เจ้าหน้าที่อาวุโสของ WHO เตือนว่า การแพร่ระบาดที่ระดับสูงทำให้ไวรัสมีโอกาสมากขึ้นที่จะแบ่งตัวและกลายพันธุ์ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดไวรัสสายพันธุ์ใหม่   “เรายังไม่เข้าใจอย่างแท้จริงถึงผลที่ตามมาของการปล่อยให้สิ่งนี้ดำเนินต่อไป” ดร.ไอล์วาร์ดกล่าว “จนถึงตอนนี้ สิ่งที่เราเห็นส่วนใหญ่ในพื้นที่ซึ่งควบคุมการแพร่ระบาดไม่ได้นั้นคือการเผชิญกับไวรัสสายพันธุ์ที่เกิดขึ้นใหม่ และความไม่แน่นอนครั้งใหม่ที่เราต้องรับมือเมื่อเราก้าวไปข้างหน้า”     แพทย์หญิงแวน เคอร์คอฟกล่าวว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะผ่อนคลายมาตรการด้านสาธารณสุข เช่น การสวมหน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่างทางสังคม พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลยกระดับมาตรการดังกล่าวเพื่อควบคุมโควิด-19 ให้ดีขึ้น และป้องกันการแพร่ระบาดในอนาคตเมื่อมีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น

วิจัยชี้โควิดทำให้เด็กกินยาก-เลือกกินมากขึ้นเนื่องจากการรับรู้กลิ่นผิดเพี้ยน

          ศาสตราจารย์คาร์ล ฟิลพ็อตต์ คณะแพทยศาสตร์นอร์ริช มหาวิทยาลัยอีสต์แองเกลีย ประเทศอังกฤษเผยผลการศึกษาว่า เด็กที่หายจากการติดเชื้อโควิด-19 อาจมีประสาทการรับรู้กลิ่นที่ผิดเพี้ยน ซึ่งจะทำให้อาหารที่เด็กเลือกกินนั้นเปลี่ยนไปด้วย   ภาวะการรับรู้กลิ่นผิดเพี้ยนหรือ Parosmia อาจทำให้ผู้ป่วยรับรู้กลิ่นที่แปลกไปจากปกติ เช่น ได้กลิ่นเลมอนเป็นกะหล่ำปลีเน่า หรือกลิ่นช็อกโกแลตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นภาวะที่พบได้มากในผู้ที่หายจากการติดเชื้อโควิด-19 แล้ว โดยคาดว่า เกิดจากการที่ร่างกายมีเซลล์รับรู้กลิ่นลดลง จึงทำให้รับรู้สารประกอบของกลิ่นได้เพียงบางส่วนเท่านั้น    ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ปัจจุบันมีชาวอังกฤษวัยผู้ใหญ่ราว 250,000 คนที่ประสบกับภาวะ Parosmia จากการติดเชื้อโควิด-19 อีกทั้งภาวะนี้ยังอาจเป็นสาเหตุที่เด็กไม่ยอมรับประทานอาหารที่เคยชอบหลังจากหายป่วยแล้ว    สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ศาสตราจารย์ฟิลพ็อตต์ได้ร่วมมือกับองค์กรการกุศล Fifth Sense ออกคู่มือแนะนำสำหรับพ่อแม่และบุคลากรการแพทย์ เพื่อให้สามารถแยกแยะระหว่างเด็กที่มีภาวะ Parosmia และเด็กที่เลือกกินโดยทั่วไป   นายดันแคน โบ๊ก ประธาน Fifth Sense กล่าวว่า “เราได้รับรายงานจากพ่อแม่ที่มีลูกซึ่งประสบปัญหาด้านโภชนาการและมีน้ำหนักตัวลดลง ซึ่งก่อนหน้านี้แพทย์มักวินิจฉัยว่าเกิดจากการที่เด็กเลือกกินเอง เราต้องการเผยแพร่ข้อมูลนี้ให้บุคลากรทางการแพทย์รับรู้และตระหนักว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง”

สหรัฐเตือนชาวมะกันเลี่ยงเดินทางไป 22 ประเทศ เหตุโควิดระบาดหนัก

          ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐได้ออกคำแนะนำให้พลเมืองชาวอเมริกันหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยัง 22 ประเทศและเขตแดน เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยประเทศและดินแดนดังกล่าวได้แก่อิสราเอล, ออสเตรเลีย, อียิปต์, แอลเบเนีย, อาร์เจนตินา, อุรุกวัย, ปานามา, กาตาร์, บาฮามาส, บาห์เรน, เบอร์มิวดา, หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน, หมู่เกาะเติกส์และเคคอส, ซูรินาม, เซนต์ลูเซีย, โบลิเวีย, แคนาดา, ฝรั่งเศส, ซาอุดีอาระเบีย, แอฟริกาใต้, ตุรกี และสหราชอาณาจักร

- Advertisement -

Comments
Loading...