GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 20 พ.ค.65 by YLG

623

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

เข้าซื้อในบริเวณ 1,823 ดอลลาร์ต่อออนซ์(ตัดขาดทุนหากหลุด 1,823 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ทั้งนี้ ควรเน้นการลงทุนระยะสั้นและไม่ควรถือสถานะจำนวนมาก แบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาทองคำดีดตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ 1,851-1,858 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,823 1,807 1,786  แนวต้าน : 1,857 1,875 1,889

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวานนี้ปิดทะยานขึ้น 25.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนหลักจากการพักตัวของดัชนีดอลลาร์ และการปรับตัวลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี แต่ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นแรงมาจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมา “แย่เกินคาด” ทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่เพิ่มขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 218,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว

ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค., ยอดขายบ้านมือสองลดลงเกินคาดสู่ระดับ 5.61 ล้านยูนิตในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2020, ดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ดิ่งลงสู่ระดับ 2.6 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 16.0 และ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) จาก Conference Board ที่ปรับตัวลง 0.3% ในเดือนเม.ย. สวนทางกับนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะทรงตัวในเดือนเม.ย.

ปัจจัยดังกล่าวยิ่งกดดันให้ดัชนีสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อจนแตะระดับต่ำสุดที่ 102.657 ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ 5 พ.ค. ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 2.772% ซึ่งช่วยหนุนให้ราคาทองคำทะยานขึ้นทะลุระดับสูงสุดของวันที่ 17 พ.ค.และเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันซึ่งตรงกับบริเวณ 1,836-1,838 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จนกระตุ้นแรงซื้อตาม(Follow Buy)และซื้อตัดขาดทุนสถานะขาย (Short squeeze)เพิ่ม ด้าน SPDR ถือครองทองคำเพิ่ม +6.97 ตันซึ่งเป็นการถือครองทองคำเพิ่มเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย.

ปัจจัยที่กล่าวมาอยู่เบื้องหลังการปรับตัวขึ้นแรงของราคาทองคำแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,849.11 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับวันนี้ไม่มีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค

- Advertisement -

หลังจากราคาดีดขึ้นวานนี้ หากสามารถทรงตัวรักษาระดับไว้ จะทำให้มุมมองเชิงลบลดลง ระยะสั้นราคามีแนวโน้มขึ้นทดสอบ 1,851-1,857 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าไม่สามารถปรับขึ้นได้จะเกิดแรงขายทำกำไรออกมา โดยแนวรับระยะสั้นจะอยู่ที่ 1,823 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนได้ราคาจะดีดตัวขึ้นทดสอบกรอบแนวต้านด้านบนอีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน

การเข้าซื้ออาจรอดูบริเวณ 1,823 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตัดขาดทุนหากหลุด เพื่อชะลอการซื้อไปยังแนวรับบริเวณ 1,807-1,786 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แบ่งขายทำกำไรหากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,851-1,857 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ หากผ่านได้สามารถชะลอการขายทำกำไรไปที่แนวต้านถัดไป

ข่าวสารประกอบการลงทุน

• (+) น้ำมัน WTI ปิดบวก $2.62 คาดจีนยุติล็อกดาวน์หนุนดีมานด์ฟื้น สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (19 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าอุปสงค์น้ำมันในจีนจะเริ่มฟื้นตัวขึ้น เมื่อนครเซี่ยงไฮ้ยุติการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 2.62 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 112.21 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 2.93 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 112.04 ดอลลาร์/บาร์เรล

• (+) Conference Board เผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจปรับตัวลง 0.3% ในเดือนเม.ย. Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ปรับตัวลง 0.3% ในเดือนเม.ย. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนมี.ค. นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีทรงตัวในเดือนเม.ย. • (+) เฟดฟิลาเดลเฟียเผยดัชนีภาคการผลิตต่ำกว่าคาดในเดือนพ.ค. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ดิ่งลงสู่ระดับ 2.6 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 16.0 จากระดับ 17.6 ในเดือนเม.ย.

• (+) สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองต่ำสุดรอบ 2 ปีในเดือนเม.ย. สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 2.4% สู่ระดับ 5.61 ล้านยูนิตในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2563 เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านดิ่งลง 5.9% ในเดือนเม.ย. ยอดขายบ้านมือสองได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาบ้านและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง ขณะที่สต็อกบ้านอยู่ในระดับต่ำ

• (+) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 21,000 ราย สู่ระดับ 218,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ราย

• (+) ดอลล์อ่อนค่า หลังสหรัฐเผยข้อมูลเศรษฐกิจซบเซา ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (19 พ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 1.05% แตะที่ 102.7240 ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 127.74 เยน จากระดับ 128.12 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9705 ฟรังก์ จากระดับ 0.9877 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2800 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2873 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0603 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0479 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2501 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2346 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7063 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6967 ดอลลาร์สหรัฐ

• (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 236.94 จุด กังวลผลกระทบเงินเฟ้อ-เฟดเร่งขึ้นดบ. ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดในวันพฤหัสบดี (19 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อและผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,253.13 จุด ลดลง 236.94 จุด หรือ -0.75%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,900.79 จุด ลดลง 22.89 จุด หรือ -0.58% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,388.50 จุด ลดลง 29.66 จุด หรือ -0.26%

• (+/-) ผู้บัญชาการทหารสหรัฐ-รัสเซียต่อสายตรงหารือสถานการณ์ยูเครน กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า นายวาเลรี เกราซิมอฟ ผู้บัญชาการทหารกองทัพรัสเซีย ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายมาร์ก มิลเลอร์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐ ในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน รวมทั้งสถานการณ์ในยูเครน นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า สหรัฐเป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอเรียกร้องให้มีการสนทนาดังกล่าว แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดแต่อย่างใด

- Advertisement -

Comments
Loading...