GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 20 ก.ย.65 by YLG

442

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

แนะนำซื้อขายทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว โดยแบ่งทองคำออกขายหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือบริเวณแนวต้านโซน 1,684-1,703 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ เพื่อรอซื้อในโซนแนวรับ 1,653-1,638 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,653 1,638 1,621  แนวต้าน : 1,684 1,703 1,720

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดบวก 10.82 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบ 1,679.90-1,659.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ ราคาทองคำได้รับแรงกดดันจาก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งสู่ระดับ 3.518% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2011 ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นและยาวนานขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงก่อนหน้า

เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อจะยังอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ สถานการณ์ดังกล่าวกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย ส่งผลให้ราคาทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,659.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำฟื้นตัวหลังจากนั้นส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนหลังสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 3 จุด สู่ระดับ 46 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 47 ซึ่งช่วยชะลอการแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์

- Advertisement -

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบกว่า 11 ปีจากแรงซื้อคืนพันธบัตรเนื่องจากนักลงทุนบางส่วนวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ปัจจัยที่กล่าวมาช่วยหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้น ปิดตลาดบริเวณ 1,675.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -2.90 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยการอนุญาตก่อสร้าง และข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค

ราคาทองคำพยายามกลับขึ้นไปทดสอบโซน 1,684 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ แสดงถึงแรงซื้อในระดับจำกัด ราคามีแนวโน้มอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ 1,659-1,653 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าไม่สามารถยืนได้ จะเกิดแรงขายออกมา โดยแนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 1,638 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน

แนะนำหากราคายังไม่สามารถผ่าน 1,684-1,703 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ แนะนำเปิดสถานะขาย (ตั้งจุดตัดขาดทุน 1,703 ดอลลาร์ต่อออนซ์ )เพื่อรอปิดสถานะขายเมื่อราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,659-1,653 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาไม่สามารถยืนได้ชะลอการปิดสถานะขายไปที่ แนวรับถัดไปโซน 1,638 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน

  • (+) ดอลล์อ่อนค่าเล็กน้อย ตลาดจับตาประชุมเฟด  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (19 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันพุธตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.03% แตะที่ระดับ 109.7360  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0014 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0006 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.1420 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1411 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6714 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6707 ดอลลาร์สหรัฐ  ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 143.25 เยน จากระดับ 142.98 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ  0.9655 ฟรังก์ จากระดับ 0.9648 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3269 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3284 ดอลลาร์แคนาดา
  • (+) น้ำมัน WTI ปิดบวก 62 เซนต์ อุปทานน้ำมันตึงตัวหนุนตลาด  สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (19 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัว อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะทำให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย และส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน  ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 62 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 85.73 ดอลลาร์/บาร์เรล  ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 92.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • (+) “โกลด์แมน แซคส์” หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐโตเพียง 1.1% ปี 66  โกลด์แมน แซคส์ออกรายงานคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัวเพียง 1.1% ในปี 2566 ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 1.5%   นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์คาดว่าอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.1% ในช่วงสิ้นปี 2566 จากปัจจุบันที่ระดับ 3.7% และสู่ระดับ 4.2% ในช่วงสิ้นปี 2567  ขณะเดียวกัน โกลด์แมน แซคส์คาดว่าภาวะการเงินที่ตึงตัวจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้ม 35% เข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
  • (+) เฟดเผยแบบจำลอง GDPNow บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 0.5% ใน Q3/65  ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 0.5% ในไตรมาส 3  ตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวต่ำกว่าระดับ 1.3% ที่มีการระบุก่อนหน้านี้
  • (+) นักวิเคราะห์เตือนหุ้นตกหนัก หากเฟดขึ้นดอกเบี้ย 1% สัปดาห์นี้  สถาบันวิจัย CFRA ระบุว่า หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.75% ในการประชุมสัปดาห์นี้ ก็จะเป็นการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเกินไป และจะฉุดให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีททรุดตัวลง  “เราคิดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% จะสร้างความตื่นตระหนกต่อตลาด และเป็นการบ่งชี้ว่าเฟดมีปฏิกริยามากเกินไปต่อข้อมูลเศรษฐกิจ และลดโอกาสที่จะช่วยให้เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป” นายแซม สโตวอลล์ นักวิเคราะห์จาก CFRA ระบุในรายงาน  ทั้งนี้ ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจำนวน 56 ครั้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% เพียง 7 ครั้ง และหลังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ดัชนี S&P 500 ดิ่งลง 2.4% ภายในเวลา 1 เดือน, ร่วงลง 1.3% ในเวลา 3 เดือน และฟื้นตัวขึ้น 0.1% ในเวลา 6 เดือน
  • (+) สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านร่วงลงเป็นเดือนที่ 9  สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 3 จุด สู่ระดับ 46 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 47  นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงมุมมองทั่วไปที่เป็นลบ  ก่อนหน้านี้ ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ในเดือนมิ.ย.2557 ก่อนที่จะปรับตัวต่ำกว่าระดับดังกล่าวอีกครั้งในช่วงต้นปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของโควิด-19
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 197.26 จุด นลท.จับตาผลประชุมเฟด  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (19 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันพุธตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,019.68 จุด เพิ่มขึ้น 197.26 จุด หรือ + 0.64%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,899.89 จุด เพิ่มขึ้น 26.56 จุด หรือ +0.69% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,535.02 จุด เพิ่มขึ้น 86.62 จุด หรือ +0.76%

- Advertisement -

Comments
Loading...