GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 19 ก.ค.64(ภาคเช้า) by HGF

278

- Advertisement -

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

สัปดาห์ก่อนทองคำ Spotเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 1 เดือน

สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป

ระยะสั้นคาดราคาทองคำยังยืนเหนือ1,800 ดอลลาร์

  • สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำ Spot ปรับเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ   1 เดือนแตะ 1,833ดอลลาร์ เนื่องจากการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสระบุว่า เฟดจะยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยมองว่าเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในระยะนี้เกิดจากปัจจัยชั่วคราว และจะยังคงเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ซึ่งการปรับลดวงเงินมาตรการ QE จะยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้อย่างไรก็ดีในวันศุกร์เริ่มมีแรงเทขายทำกำไรออกมาเนื่องจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นและยอดค้าปลีกของสหรัฐเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้นเกินคาด ทางด้านกองทุน SPDR ขายทองคำ11.64 ตันในสัปดาห์ผ่านมา
  • สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรปคาดการณ์ว่ายังคงมีมติผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป ตัวเลขภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐเดือนมิ.ย. ได้แก่การอนุญาตก่อสร้าง การเริ่มสร้างบ้านและยอดขายบ้านมือสอง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนก.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
  • หลังจากที่ราคาทองคำเริ่มมีแรงเทขายออกมา แต่ระยะสั้นคาดว่าราคาทองคำยังยืนเหนือ 1,800ดอลลาร์ แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,800-1,825 ดอลลาร์ โดยทองคำมีแนวต้าน  1,825ดอลลาร์ขณะที่มีแนวรับ 1,800 ดอลลาร์ และ 1,790 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,810.80-17.601,800/1,7901,825/1,833

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,25028,000/27,85028,300/28,400

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,290-14028,140/28,00028,440/28,560

การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำที่ราคาทองคำ Spot1,800 ดอลลาร์ (GF28,140บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,790ดอลลาร์ (GF 28,000บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,815.30-10.801,803/1,7931,828/1,836

การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำที่ราคาGOU211,803ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,793ดอลลาร์

ค่าเงิน

- Advertisement -

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดอ่อนค่าลงเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ในประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ทะลุ 1 หมื่นรายโดยเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาดสำหรับ USD Futures เดือนก.ย.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 32.70 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 32.90และ 33บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ:ดอลล์แข็งค่าขานรับยอดค้าปลีกสหรัฐแข็งแกร่งเกินคาด

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ก.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาดดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.07% แตะที่ 92.6904 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดลบ $14 เหตุดอลล์แข็ง-บอนด์ยีลด์เพิ่มกดดันตลาด

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นนอกจากนี้การเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดนั้นยังกระตุ้นให้นักลงทุนขายสัญญาทองคำออกมาเพื่อลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 14 ดอลลาร์หรือ 0.77% ปิดที่ 1,815 ดอลลาร์/ออนซ์แต่สัญญาทองคำปรับตัวขึ้น 0.2% ในรอบสัปดาห์นี้สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 59.9 เซนต์หรือ 2.27% ปิดที่ 25.795 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดบวก 16 เซนต์ราคาฟื้นตัวหลังร่วงหนักสัปดาห์นี้

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ก.ค.) แต่ร่วงลงในรอบสัปดาห์นี้มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมาโดยถูกกดดันจากความเป็นไปได้ที่ผลผลิตน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นในตลาดโลกและมีความเสี่ยงที่อุปสงค์จะลดลงจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19   สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 16 เซนต์หรือ 0.22% ปิดที่ 71.81 ดอลลาร์/บาร์เรลแต่ร่วงลง 3.7% ในรอบสัปดาห์นี้สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 12 เซนต์หรือ 0.16% ปิดที่ 73.59 ดอลลาร์/บาร์เรลแต่ลดลง 2.6% ในรอบสัปดาห์นี้

ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดลบ 299.17 จุดหุ้นเทคโนโลยีร่วงกดดันตลาด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลงอาทิหุ้นแอมะซอนและหุ้นกูเกิลขณะที่นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาเพิ่มขึ้นในสหรัฐดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,687.85 จุดลดลง 299.17 จุดหรือ -0.86%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,327.16 จุดลดลง 32.87 จุดหรือ -0.75% และดัชนีNasdaq ปิดที่ 14,427.24 จุดลดลง 115.90 จุดหรือ -0.80%   ในรอบสัปดาห์นี้ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.5%, ดัชนีS&P500 ติดลบ 1% และดัชนีNasdaq ปรับตัวลง 1.9%

สหรัฐจ่อคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีนเตือนกม.ความมั่นคงอาจกระทบบริษัทต่างชาติในฮ่องกง

สหรัฐเตรียมประกาศคว่ำบาตรบรรดาเจ้าหน้าที่จีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปราบปรามประชาธิปไตยในฮ่องกงในวันนี้พร้อมเตือนบริษัทนานาชาติที่ดำเนินธุรกิจในฮ่องกงถึงสถานการณ์ที่ย่ำแย่สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดว่ามาตรการคว่ำบาตรทางการเงินจะมุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่7รายจากสำนักงานประสานงานของรัฐบาลจีนประจำฮ่องกงซึ่งถือเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของรัฐบาลจีนในฮ่องกงกระทรวงต่างประเทศสหรัฐได้ออกเอกสารแนะนำธุรกิจโดยกล่าวเน้นย้ำถึงความกังวลของรัฐบาลสหรัฐต่อบริษัทนานาชาติซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติของฮ่องกงโดยนักวิเคราะห์ระบุว่าจีนบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวเมื่อปีที่ผ่านมาเพื่อมุ่งปราบปรามนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและเสรีภาพทางสื่อเมื่อสื่อมวลชนถามถึงเอกสารแนะนำธุรกิจในระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีอังเกลาแมร์เคิลของเยอรมนีประธานาธิบดีโจไบเดนของสหรัฐระบุว่า “สถานการณ์ในฮ่องกงนั้นย่ำแย่รัฐบาลจีนไม่รักษาคำมั่นเกี่ยวกับการจัดการสถานการณ์ในฮ่องกงดังนั้นเอกสารดังกล่าวจึงเป็นคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในฮ่องกง”   ทั้งนี้การออกเอกสารแนะนำธุรกิจถือเป็นความพยายามล่าสุดของคณะบริหารของประธานาธิบดีไบเดนที่ต้องการให้รัฐบาลจีนรับผิดชอบต่อสิ่งที่สหรัฐเรียกว่าเป็นการทำลายหลักนิติธรรมของฮ่องกง

“เยลเลน” คาดเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งต่อเนื่องหลายเดือนหวั่นกระทบครัวเรือนรายได้ต่ำ

นางเจเน็ตเยลเลนรัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ “Closing Bell” ของสถานีโทรทัศน์CNBC เมื่อคืนนี้ (15ก.ค.) ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐมีแนวโน้มพุ่งขึ้นเป็นเวลานานหลายเดือนโดยเธอกังวลว่าปัญหาเงินเฟ้อจะส่งให้ครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำประสบความยากลำบากในการซื้อบ้านเมื่อมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้น  “อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐมีแนวโน้มพุ่งขึ้นเป็นเวลาหลายเดือนอย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มในระยะกลางดิฉันมองว่าอัตราเงินเฟ้ออาจจะปรับตัวลงสู่ระดับปกติและแน่นอนว่ากระทรวงการคลังจะจับตาสถานการณ์เงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด” นางเยลเลนกล่าวข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและราคาที่อยู่อาศัยที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นอาจทำให้เกิดภาวะฟองสบู่อย่างไรก็ดีนางเยลเลนกล่าวว่าแม้เธอมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อแต่ก็คาดว่าสหรัฐจะไม่เผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อที่รุนแรงเหมือนกับช่วงวิกฤตการเงินโลกในปี2551โดยเธอกล่าวว่า “สถานการณ์เงินเฟ้อในขณะนี้กับในช่วงปี2551แตกต่างกันอย่างมากแต่ถึงกระนั้นก็ตามสิ่งที่ดิฉันกังวลก็คือแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยปรับตัวสูงขึ้นซึ่งจะทำให้ครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำประสบกับความยากลำบากในการซื้อบ้าน”    “จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องจับตาสถานการณ์เงินเฟ้ออย่างใกล้ชิดแต่เมื่อพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจแล้วดิฉันยังเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวลงสู่ระดับปกติในท้ายที่สุด” นางเยลเลนกล่าว

“ไบเดน” เผยการส่งทหารประจำการในเฮติไม่อยู่ในวาระของรัฐบาลสหรัฐ

ประธานาธิบดีโจไบเดนของสหรัฐเปิดเผยว่าสหรัฐจะส่งทหารนาวิกโยธินเพื่อไปรักษาความปลอดภัยที่สถานทูตของสหรัฐในเฮติเท่านั้นแต่การส่งกองกำลังทหารของสหรัฐเข้าไปประจำการในเฮตินั้นไม่ได้อยู่ในระเบียบวาระของรัฐบาลสหรัฐแม้ว่ารัฐบาลเฉพาะกาลของเฮติพยายามร้องขอให้สหรัฐส่งกองกำลังทหารเข้าประจำการหลังเกิดเหตุการณ์ลอบสังหารประธานาธิบดีเฮติก็ตามประธานาธิบดีไบเดนกล่าวถึงสถานการณ์ในเฮติในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนร่วมนางอังเกลาแมร์เคิลนายกรัฐมนตรีเยอรมันซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการเยือนสหรัฐโดยปธน.ไบเดนกล่าวว่า “เราส่งหน่วยนาวิกโยธินของสหรัฐไปยังสถานทูตของเราเท่านั้นส่วนความคิดที่จะส่งกองกำลังทหารของสหรัฐเข้าไปประจำการในเฮตินั้นไม่ได้อยู่ในระเบียบวาระของรัฐบาลสหรัฐ” สำนักข่าวซินหัวระบุว่ารัฐบาลเฉพาะกาลของเฮติได้ขอร้องให้สหรัฐและสหประชาชาติ (UN) ส่งกำลังทหารเข้าประจำการในประเทศเพื่อรักษาความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญภายหลังเกิดเหตุลอบสังหารประธานาธิบดีโฌเวแนลโมอิสของเฮติทั้งนี้ปธน.โมอิสถูกมือปืนยิงเสียชีวิตที่บ้านพักในช่วงเช้าตรู่ของวันที่7ก.ค. ณกรุงปอร์โตแปรงซ์โดยเหตุลอบสังหารครั้งนี้มีขึ้นเพียง2เดือนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกสภานิติบัญญัติซึ่งกำหนดไว้ในวันที่26ก.ย.

- Advertisement -

Comments
Loading...