GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 19 ก.ย.65 by YLG

417

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

แนะนำเปิดสถานะขายทำกำไรหากราคาไม่ผ่านแนวต้าน 1,680-1,684 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทยอยลดสถานะขายหากราคาไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,653 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนควรปรับลดการถือสถานะซื้อลง หากการฟื้นตัวขึ้นจำกัด

แนวรับ : 1,653 1,638 1,621  แนวต้าน : 1,684 1,703 1,720

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดบวก 10.82 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ระหว่างวันราคาทองคำจะร่วงลงแรงทดสอบระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี 5 เดือนบริเวณ 1,654 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากดัชนีดอลลาร์ที่แข็งค่าทดสอบระดับสูงสุดระหว่างวันบริเวณ 110.26 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี พุ่งทดสอบระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2007

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย “อย่างแข็งกร้าว” เพื่อสกัดเงินเฟ้อ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำฟื้นตัวลดช่วงติดลบในเวลาต่อมา โดยได้รับแรงหนุนส่วนหนึ่งจากแรงซื้อ Buy the Dip หลังจากราคาทองคำร่วงลงจนเข้าสู่ภาวะขายมากเกินไป(Oversold)รวมไปถึงแรงซื้อทางเทคนิคเนื่องจากเกิดสัญญาณที่บ่งชี้ว่าแรงขายชะลอตัวลง

- Advertisement -

นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีดอลลาร์ที่ลดช่วงบวกลงมาปิดทรงตัว ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลดลง หลังบริษัทเฟดเอ็กซ์เตือนเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเนื่องจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง ซึ่งได้กระตุ้นการคาดการณ์ว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจจะช่วยลดอัตราเงินเฟ้อ และส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยลดลงเร็วกว่าที่คาดไว้ ประกอบกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐของมหาวิทยาลัยมิชิแกนปรับตัวขึ้นน้อยกว่าคาด สถานการณ์ที่กล่าวมาช่วยหนุนให้ราคาทองคำดีดตัวขึ้นกว่า 20 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับต่ำสุดในระหว่างวันสู่ระดับสูงสุดบริเวณ 1,679.99 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -1.16 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย. โดย NAHB

จจัยทางเทคนิค

หลังจากราคาทิ้งตัวลงแรงในระยะสั้นราคาเคลื่อนไหวแกว่งตัวออกด้านข้าง หากไม่สามารถทะลุแนวต้าน 1,684-1,703 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ ราคาอาจย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับ 1,653 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากราคาหลุดแนวรับดังกล่าว จะเห็นแรงขายออกมาเพิ่มประเมินแนวรับถัดไปที่ 1,638 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน

แนะนำเปิดสถานะขายหากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,680-1,684 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตัดขาดทุนหากผ่านระดับ 1,703 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับการปิดสถานะขายเพื่อทำกำไรอาจพิจารณาดูบริเวณ 1,653 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนไม่ได้ให้ชะลอปิดสถานะขายออกไปแนวรับถัดไปแนวรับถัดไปโซนที่ 1,638 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน

  • (+) ไบเดนวอนปูตินอย่าใช้นิวเคลียร์หรืออาวุธเคมีสู้ยูเครน ขู่ระวังโลกรังเกียจ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เรียกร้องให้ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีหรืออาวุธเคมี หลังจากที่กองทัพรัสเซียโดนยูเครนโต้กลับ ปธน.ไบเดนให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “60 Minutes” ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส นิวส์ โดยตอบคำถามถึงสิ่งที่เขาจะพูดกับปธน.ปูตินหากรัสเซียพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์ว่า “อย่า อย่า อย่า นิวเคลียร์จะพลิกโฉมสงครามไปในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2” ปธน.ไบเดนกล่าวว่าสหรัฐจะเริ่มตอบโต้หากรัสเซียใช้นิวเคลียร์หรืออาวุธเคมี แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
  • (+) สหรัฐเตือนไวรัสฝีดาษลิงอาจกลายพันธุ์ ทำเชื้อดื้อยา-รักษาไม่ได้ผล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐเตือนไม่ให้ใช้ยาชนิดเดียวมากเกินไปในการรักษาโรคฝีดาษลิง โดยระบุว่า หากไวรัสฝีดาษลิงมีการกลายพันธุ์แม้เพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้การใช้ยาดังกล่าวไม่มีประสิทธิผล สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐได้ปรับปรุงคำแนะนำในสัปดาห์นี้สำหรับยาทีพอกซ์ (Tpoxx) ซึ่งได้แจกจ่ายให้กับผู้ป่วยหลายหมื่นรายที่ติดเชื้อฝีดาษลิง สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ในการปรับปรุงคำแนะนำทางออนไลน์ เจ้าหน้าที่ของ FDA เตือนว่า แม้มีการเปลี่ยนแปลงเพียงระดับโมเลกุลเดียวของเชื้อไวรัสฝีดาษลิง ก็อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อประสิทธิภาพในการต้านไวรัสของยาทีพอกซ์ เนื่องจากไวรัสมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อทำลายการป้องกันการติดเชื้อ รวมถึงยาที่ใช้รักษา ดังนั้น FDA จึงเน้นย้ำว่า แพทย์ควรระมัดระวังในการสั่งจ่ายยาดังกล่าว
  • (+) ผลสำรวจม.มิชิแกนชี้ผู้บริโภคเพิ่มความเชื่อมั่น ขณะลดคาดการณ์เงินเฟ้อ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 59.5 ในเดือนก.ย. จากระดับ 58.6 ในเดือนส.ค.แต่ต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 60.0ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะแตะระดับ 4.6% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า โดยต่ำกว่าระดับ 4.8% ที่มีการสำรวจในเดือนที่แล้ว และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2564 สำหรับในช่วง 5 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะแตะระดับ 2.8% โดยต่ำกว่าระดับ 2.9% ที่มีการสำรวจในเดือนที่แล้ว และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2564
  • (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 139.40 จุด วิตกเศรษฐกิจถดถอยกดดันตลาด ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (16 ก.ย.) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เนื่องจากการเตือนของบริษัทเฟดเอ็กซ์เกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,822.42 จุด ลดลง 139.40 จุด หรือ -0.45%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,873.33 จุด ลดลง 28.02 จุด หรือ -0.72% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,448.40 จุด ลดลง 103.95 จุด หรือ -0.90%
  • (-) ดอลล์แข็งค่า ขานรับตลาดคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยแรง ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (16 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนรอคอยผลการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% – 1% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.02% แตะที่ระดับ 109.7640 ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3284 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3224 ดอลลาร์แคนาดา และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9648 ฟรังก์ จากระดับ 0.9607 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 142.98 เยน จากระดับ 143.47 เยน ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0006 ดอลลาร์ จากระดับ 0.9996 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.1411 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1467 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าสู่ระดับ 0.6717 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6703 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (-) ปอนด์ดิ่งต่ำสุด 37 ปีเทียบดอลลาร์ กังวลเศรษฐกิจถดถอย หลังยอดค้าปลีกซบ ปอนด์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 37 ปีเทียบดอลลาร์ในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยของอังกฤษ หลังยอดค้าปลีกต่ำกว่าคาดในเดือนส.ค. นอกจากนี้ ปอนด์ยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ จากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทั้งนี้ ปอนด์ดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 1.14 ดอลลาร์ในวันนี้ แตะระดับ 1.1351 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2528
  • (-) บอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่งไม่หยุดทะลุ 3.9% ส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังคงดีดตัวขึ้นในวันนี้ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75-1.00% ในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟด พุ่งขึ้นเหนือระดับ 3.9% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2550 ในวันนี้ และอยู่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีและ 30 ปี

- Advertisement -

Comments
Loading...