GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 18 พ.ย.64 by YLG

279

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

เข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,855-1,841 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ และทยอยปิดสถานะซื้อทำกำไรหากราคาไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,877-1,889 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,855 1,841 1,826  แนวต้าน : 1,877 1,889 1,900

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 16.80ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดบริเวณ 1,848.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์นับตั้งแต่ช่วงเช้าของวานนี้ในตลอดเอเชีย  ทั้งนี้  ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลายประการ  อาทิ  (1.) แรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ  (2.) ดัชนีดอลลาร์ ร่วงจากระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ค. 2020ที่ 96.266ท่ามกลางแรงขายทำกำไร  รวมไปถึงการเปิดเผยตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านที่ลดลง 0.7% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 1.520 ล้านยูนิต สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.576 ล้านยูนิต  (3.) เงินปอนด์พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ และสูงสุดในรอบ 21 เดือนเมื่อเทียบกับยูโร  โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในอังกฤษ พุ่งขึ้น 4.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี  ซึ่งการแข็งค่าของปอนด์เป็นปัจจัยกดดันดัชนีดอลลาร์อีกทาง  (4.) การร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐ  และ (5.) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลงจากระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค. ที่1.65% สู่ระดับต่ำกว่า1.60%หลังอัตราผลตอบแทนพุ่งถึงระดับที่ดึงดูดให้ผู้ซื้อกลับเข้าซื้อพันธบัตรอีกครั้ง  สถานการณ์ที่กล่าวมาทั้งหมดช่วยหนุนให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,867.91 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่ม +0.88 ตัน  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจจากเฟดฟิลาเดลเฟีย, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจาก Conference Board

จจัยทางเทคนิค :

หากราคาทองคำไม่สามารถ break out ผ่านแนวต้านบริเวณ 1,877 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับสูงสุดของสัปดาห์นี้) อาจมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นให้ราคากลับลงมาสะสมแรงซื้ออีกครั้ง เบื้องต้นประเมินว่าหากราคายังคงเคลื่อนไหวเหนือโซนแนวรับ1,855-1,841 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคามีโอกาสทดสอบแนวต้านโซน1,877-1,889 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้

กลยุทธ์การลงทุน :

เปิดสถานะซื้อหากราคาอ่อนตัวลงมาในโซน 1,855-1,841 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมลดการลงทุนหากราคาหลุด 1,841 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้อาจพิจารณาแบ่งทองคำออกขายทำกำไรหากราคาไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,877-1,889 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผยตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้านลดลงในเดือนต.ค. สวนทางคาดการณ์กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 0.7% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 1.520 ล้านยูนิต สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.576 ล้านยูนิต จากระดับ 1.530 ล้านยูนิตในเดือนก.ย.การเริ่มต้นสร้างบ้านได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้าง และการขาดแคลนแรงงานส่วนการอนุญาตก่อสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 4.0% สู่ระดับ 1.650 ล้านยูนิตในเดือนต.ค.
  • (+) ยูโรโซนเผยเงินเฟ้อพุ่ง 4.1% ในเดือนต.ค. สูงกว่าเป้าหมาย ECB กว่า 2 เท่าสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนดีดตัวขึ้น 0.8% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน  เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 4.1% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) กำหนดไว้กว่า 2 เท่าทั้งนี้ ดัชนี CPI ของยูโรโซนได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน รวมทั้งการปรับตัวขึ้นของราคาอาหารและราคาในภาคบริการ  ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ ECB ให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 2.1% เมื่อเทียบรายปี
  • (+) สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสินเชื่อจำนองลดลงสัปดาห์ที่แล้ว เหตุดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นสมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลง 2.8% ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ปรับตัวขึ้น 
  • (+) ปอนด์แข็งค่ารับคาดการณ์แบงก์ชาติอังกฤษขึ้นดบ.เดือนหน้าเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังเงินเฟ้อพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.09% แตะที่ 95.8305 เมื่อคืนนี้  เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3484 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3428 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.1314 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1316 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7260 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7301 ดอลลาร์สหรัฐดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 114.14 เยน จากระดับ 114.69 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9283 ฟรังก์ จากระดับ 0.9310 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2614 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2559 ดอลลาร์แคนาดา
  • (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 211.17 จุด วิตกเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบียเร็วกว่าที่คาดไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน และหุ้นบริษัทวีซ่า อิงค์  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,931.05 จุด ลดลง 211.17 จุด หรือ -0.58%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,688.67 จุด ลดลง 12.23 จุด หรือ -0.26% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,921.57 จุด ลดลง 52.28 จุด หรือ -0.33%
  • (+) สหรัฐฯพบผู้ติดโควิดมากขึ้นในหลายพื้นที่-หวั่นอาจระบาดหนักฤดูหนาวนี้สำนักข่าวเอพีระบุว่า สถานการณ์การระบาดของโควิดอาจจะเลวร้ายขึ้นในสหรัฐฯเมื่อหน้าหนาวมาเยือน  เจ้าหน้าที่พบว่าโคโรนาไวรัสสายพันธุ์เดลต้าได้เพิ่มจำนวนผู้ป่วยที่ต้องโรงพยาบาลมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในฝั่งตะวันตกและตะวันออกของประเทศ เนื่องจากอากาศที่เริ่มเย็นในบริเวณดังกล่าวได้ส่งผลให้ผู้คนทยอยเข้าไปทำกิจกรรม ภายในตัวอาคาร มากขึ้นและต้องปิดหน้าต่างและสูดอากาศท่ีไม่ได้รับการถ่ายเทอย่างทั่วถึง  ลินด์ซีย์ มารร์ นักวิจัยโคโรนาไวรัสจากมหาวิทยาลัย Virginia Tech ได้ประเมินถึง ปรากฏการณ์ข้างต้นตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา เธอระบุว่าเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายทางอากาศสามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็วในห้องที่อับหรือที่อากาศไม่สามารถหมุนเวียนได้ดี 
  • (+/-) จับตา “ไบเดน” อาจประกาศชื่อว่าที่ประธานเฟดคนใหม่ภายในสัปดาห์นี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนกล่าวว่า เขาอาจเสนอชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ภายในสัปดาห์นี้    ต่อข้อถามจากผู้สื่อข่าวที่ว่า เขาใกล้ที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับผู้ที่จะมาเป็นประธานเฟดคนใหม่หรือไม่  ปธน.ไบเดนกล่าวว่า “คุณจะรู้เรื่องนี้ในอีกราว 4 วัน”  อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งกล่าวว่า ปธน.ไบเดนจะตัดสินใจเรื่องดังกล่าวก่อนวันขอบคุณพระเจ้าในวันที่ 25 พ.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่าปธน.ไบเดนอาจประกาศการตัดสินใจในสัปดาห์หน้า

- Advertisement -

Comments
Loading...