GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 17 มี.ค.65 by YLG

1,060

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

เก็งกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว หากราคาทองคำไม่สามารถยืน 1,940-1,943ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ให้แบ่งทองคำออกขาย แต่หากผ่านได้ให้ชะลอการขายไปที่แนวต้านถัดไป และเมื่อราคาอ่อนตัวลงให้เข้าซื้อคืนบริเวณแนวรับ 1,913-1,907ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,907 1,891 1,877  แนวต้าน : 1,943 1,958 1,974

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.97ดอลลาร์ต่อออนซ์ทั้งนี้ ราคาทองคำปรับตัวลดลงก่อนโดยได้รับแรงกดดันจากความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งกระตุ้นแรงขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันอีกหนึ่งระลอกหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย0.25% สู่ระดับ0.25-0.50% ตามคาดส่วนDot Plot เดือนมี.ค. 2022 สะท้อนว่าเจ้าหน้าที่เฟดสนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 7 ครั้งในปี 2022 ซึ่งถือว่า “Hawkish” มากกว่าDot plot ในเดือนธ.ค.2021และมากกว่าที่ตลาดคาดว่าDot plotรอบนี้จะบ่งชี้ถึงการขึ้นดอกเบี้ยราว 4-5 ครั้งในปี 2022นอกจากนี้ เฟดยังส่งสัญญาณปรับลดขนาดงบดุลในการประชุมที่กำลังจะมาถึงโดยอาจเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในเดือนพ.ค. ปัจจัยดังกล่าวกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,895.36 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี การขึ้นดอกเบี้ย 7 ครั้งในปีนี้ของเฟดสอดคล้องกับการคาดการณ์ในปัจจุบันของตลาดการเงินซึ่งถือว่ามีการ Price in ไปแล้วทำให้เกิดแรงขายทำกำไร (Sell on fact) ในดัชนีดอลลาร์ ขณะที่เฟดมีการ “ลด” คาดการณ์ GDP ปีนี้ลงสู่ระดับ 2.8% และ “เพิ่ม” คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปี 2022 สู่ระดับ 4.1%พร้อมระบุว่าอาจต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อกลับคืนสู่เป้าหมายที่ 2% ซึ่งช่วยหนุนทองในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้ออีกทางปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นแรงซื้อ Buy the Dip ในตลาดทองคำส่งผลให้ราคาทองคำฟื้นกลับมาปิดตลาดในแดนบวกได้ในที่สุด ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่ม +8.70 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ(BoE) และการเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจจากเฟดฟิลาเดลเฟีย,จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน, การอนุญาตก่อสร้าง, ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน, การผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิต

- Advertisement -

จจัยทางเทคนิค

หากราคายังคงยืนเหนือ 1,913-1,907ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ มีแนวโน้มขึ้นทดสอบ 1,940-1,943ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าสามารถปรับขึ้นไปยืนได้จะเกิดแรงซื้อดันให้ราคาขึ้น ทดสอบแนวต้านสำคัญอยู่บริเวณ 1,958ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากไม่ผ่านราคามีโอกาสอ่อนตัวลงเพื่อสร้างฐานราคาอีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน

แบ่งทองคำออกขายทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,943-1,958ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยตัดขาดทุนหากราคาผ่าน1,958 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปิดสถานะขายทำกำไรหากการอ่อนตัวลงสามารถยืนเหนือโซน 1,913-1,907ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน

  • (+) สหรัฐเผยยอดค้าปลีกต่ำกว่าคาดในเดือนก.พ.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%  ยอดค้าปลีกที่ต่ำกว่าคาดดังกล่าวได้รับผลกระทบจากยอดค้าปลีกออนไลน์ที่ดิ่งลง 3.7%
  • (+) ยูโรแข็งเทียบดอลล์ ขานรับเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครนคืบหน้า  สกุลเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (16 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลและกลับเข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยง หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่า การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนมีความคืบหน้า  ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.48% แตะที่ 98.6230 เมื่อคืนนี้  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1007 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0943 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3119 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3034 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7265 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7190 ดอลลาร์สหรัฐ  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 118.70 เยน จากระดับ 118.32 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9424 ฟรังก์ จากระดับ 0.9420 ฟรังก์
  • (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 518.76 จุด หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 500 จุดในวันพุธ (16 มี.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน  ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 34,063.10 จุด เพิ่มขึ้น 518.76 จุด หรือ +1.55%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,357.86 จุด เพิ่มขึ้น 95.41 จุด หรือ + 2.24% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,436.55 จุด เพิ่มขึ้น 487.93 จุด หรือ +3.77%
  • (-) “ปูติน-เซเลนสกี” เตรียมเจรจาโดยตรงปิดฉากสงครามยูเครน  นายมิไคโล โปโดลยัก ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า ปธน.เซเลนสกีอาจจัดการเจรจาโดยตรงกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในอีกไม่กี่วัน  “เห็นได้ชัดว่า หนทางเดียวที่จะยุติสงครามนี้คือการเจรจาโดยตรงระหว่างประธานาธิบดีทั้งสอง และนี่เป็นสิ่งที่เรากำลังเจรจากันอยู่ในขณะนี้ โดยเรากำลังเตรียมเอกสารที่จะมีการลงนามของผู้นำทั้งสองในการประชุมดังกล่าว” นายโปโดลยักกล่าว
  • (-) เปิดสูตร “ออสเตรียโมเดล” ปิดฉากสงครามในยูเครน  นายวลาดิเมียร์ เมดินสกี หัวหน้าคณะเจรจาของรัสเซีย กล่าวว่า ขณะนี้รัสเซียและยูเครนกำลังหารือกันเกี่ยวกับสถานะเป็นกลางของยูเครน โดยอาจจะใช้รูปแบบของออสเตรีย พร้อมกับการมีกำลังทหารในจำนวนจำกัด เพื่อเป็นแนวทางประนีประนอมในการทำข้อตกลงสันติภาพ 
  • (-) “เซเลนสกี” พูดชัด ยูเครนจะไม่เข้าร่วมนาโต  ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวอย่างชัดเจนว่ายูเครนจะไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต)  “ยูเครนไม่ได้เป็นสมาชิกนาโต เราเข้าใจในสิ่งนี้ เราได้ยินมานานหลายปีว่าประตูได้เปิดอยู่ แต่เราก็ได้ยินว่าเราจะไม่สามารถเข้าร่วม มันเป็นความจริงที่เราต้องยอมรับ” ปธน.เซเลนสกีกล่าวผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ต่อเจ้าหน้าที่ทหารกลุ่มหนึ่งนำโดยสหราชอาณาจักร  ทั้งนี้ การที่ยูเครนมีสถานะเป็นกลาง โดยไม่เข้าร่วมนาโต ถือเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญของรัสเซียในการทำข้อตกลงหยุดยิงกับยูเครน
  • (-) รัสเซียเผยมีความหวังประนีประนอมกับยูเครนในการเจรจาสันติภาพ  นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย แสดงความหวังต่อการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน  “ผมมองเห็นความหวังที่รัสเซียและยูเครนจะสามารถประนีประนอมในการเจรจาสันติภาพ” นายลาฟรอฟกล่าว  “มีการหารือกันอย่างจริงจังในประเด็นที่ยูเครนต้องมีสถานะเป็นประเทศเป็นกลาง รวมทั้งประเด็นด้านความมั่นคงอื่นๆ โดยทั้งสองฝ่ายกำลังใกล้ได้ข้อตกลงเกี่ยวกับสูตรบางอย่างแล้ว” เขากล่าว
  • (+/-) เฟดหั่นคาดการณ์ GDP สหรัฐปีนี้เหลือ 2.8% จากเดิมที่ระดับ 4.0%  คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% ในการประชุมวันนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้  อย่างไรก็ดี นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ เป็นเจ้าหน้าที่เฟดเพียงรายเดียวที่ลงมติให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันนี้  นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 6 ครั้งๆละ 0.25% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งหมายความว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมทุกครั้งหลังจากนี้ และจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ระดับ 1.75-2.00% ในปลายปีนี้  ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2566 แต่จะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2567  ทั้งนี้ เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2561  นอกจากนี้ เฟดยังส่งสัญญาณปรับลดขนาดงบดุลในการประชุมในอนาคต

- Advertisement -

Comments
Loading...