GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 17 พ.ย.64 by HGF

236

- Advertisement -

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

ทองคำลดลง ยอดค้าปลีกสหรัฐดีกว่าตลาดคาด

คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยการอนุญาตก่อสร้างและการเริ่มสร้างบ้าน

ทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,850-1,870 ดอลลาร์

  • ราคาทองคำ Spot เมื่อวานปรับลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมากที่สุดในรอบ 16 เดือนและแรงเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด โดยสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 1.7%ดีกว่าตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 1.3% เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นและยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 1.6%ดีกว่าตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.9% ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ถือครองทองคำเท่าเดิมต่อเนื่องเป็นวันที่ 2เมื่อวาน
  • คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยการอนุญาตก่อสร้างและการเริ่มสร้างบ้านเดือนต.ค. ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.63ล้านยูนิต และ 1.58ล้านยูนิต ตามลำดับ หลังจากที่เดือนก.ย.อยู่ที่ระดับ 1.59ล้านยูนิต และ 1.56ล้านยูนิต ตามลำดับ
  • แนวโน้มราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,850-1,870 ดอลลาร์ทั้งนี้ทองคำมีแนวรับอยู่ที่1,850 ดอลลาร์และ 1,840 ดอลลาร์ขณะที่มีแนวต้านสำคัญ 1,870 ดอลลาร์และ1,877 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,850.20-12.21,850/1,8401,870/1,877

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,950+10028,700/28,55028,950/29,050

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,870-25028,860/28,70029,100/29,220

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำขายทำกำไรบางส่วนที่ราคาทอง Spot1,870ดอลลาร์ (GF 29,100 บาท) การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,850ดอลลาร์ (GF 28,860 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,840ดอลลาร์ (GF28,700 บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,853.30-22.001,852/1,8421,872/1,880

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำขายทำกำไรบางส่วนที่ราคาทอง Spot1,872ดอลลาร์การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำเมื่อราคาGOZ21ปรับลงมาที่ 1,852 ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,842ดอลลาร์

- Advertisement -

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดจะอ่อนค่าลงเล็กน้อย โดยเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐโดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ที่เพิ่มขึ้น 1.7%ดีกว่าตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 1.3%โดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 32.65 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 32.85 บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์แข็งค่าขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแกร่งเกินคาด

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (16 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.53% แตะที่ 95.9182 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดร่วง $12.5 นลท.ขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังข้อมูลศก.สดใส

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนที่ผ่านมา (16 พ.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกประจำเดือนต.ค.   ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 12.5 ดอลลาร์หรือ 0.67% ปิดที่ 1,854.1 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 16.1 เซนต์หรือ 0.64% ปิดที่ 24.944 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดลบ 12 เซนต์หลังIEA คาดราคาน้ำมันชะลอตัว

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (16 พ.ย.) หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะชะลอตัวลงในอนาคตขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ทั้งนี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 12 เซนต์หรือ 0.2% ปิดที่ 80.76 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย. 2564  สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 38 เซนต์หรือ 0.5% ปิดที่ 82.43 ดอลลาร์/บาร์เรล

ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดบวก 54.77 จุดรับข้อมูลศก.สหรัฐแข็งแกร่ง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (16 พ.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกประจำเดือนต.ค. รวมทั้งรายงานผลประกอบการที่สดใสของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่เช่นวอลมาร์ทและโฮมดีโปท์ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,142.22 จุดเพิ่มขึ้น 54.77 จุดหรือ +0.15%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,700.90 จุดเพิ่มขึ้น 18.10 จุดหรือ +0.39% และดัชนีNasdaqปิดที่ 15,973.86 จุดเพิ่มขึ้น 120.01 จุดหรือ + 0.76%

ผู้นำวุฒิสภาสหรัฐจ่อเพิ่มกม.นวัตกรรมในกม.ความมั่นคงหวังสภาผู้แทนฯไฟเขียว

นายชัคชูเมอร์ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครตของสหรัฐประกาศวาเขาจะเพิ่มกฎหมายนวัตกรรมและการแข่งขันของสหรัฐ (US Innovation and Competition Act หรือUSICA) ในกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ (National Defense Authorization Act หรือNDAA) ประจำปีที่วุฒิสภาจะเริ่มพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้โดยเป็นการผลักดันกฎหมายที่ชะงักงันมานานหลายเดือนในสภาผู้แทนราษฎร  “วิกฤตห่วงโซ่อุปทานของเราจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขและเราไม่อาจรอได้” นายชูเมอร์กล่าว

“ไบเดน-สีจิ้นผิง” เปิดฉากประชุมทางไกลให้คำมั่นกระชับสัมพันธ์-ลดขัดแย้ง

ประธานาธิบดีโจไบเดนผู้นำสหรัฐได้เปิดฉากการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงผู้นำจีนโดยบรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างราบรื่นและทั้งสองฝ่ายได้หารือกันอย่างเป็นมิตรในการประชุมทางไกลครั้งนี้ปธน.ไบเดนเป็นผู้กล่าวเปิดการประชุมโดยกล่าวว่าในฐานะผู้นำประเทศทั้งตัวเขาเองและปธน.สีมีความรับผิดชอบในการสร้างความเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐจะไม่พลิกผันไปสู่ความขัดแย้งปธน.ไบเดนกล่าวว่าเขาคาดหวังว่าจะได้ประชุมแบบพบหน้ากันร่วมกับปธน.สีและรอคอยที่จะสนทนากันอย่างตรงไปตรงไปพร้อมกับกล่าวว่าหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้นำคือการแสดงออกอย่างจริงใจว่าไม่เห็นด้วยในเรื่องใดและหาแนวทางที่จะสามารถดำเนินการร่วมกันได้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลดภาวะโลกร้อนขณะที่ปธน.สีกล่าวกับปธน.ไบเดนว่าทั้งสองประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายจำนวนมากร่วมกันและควรต้องเพิ่มการสื่อสารและความร่วมมือระหว่างสองประเทศพร้อมกับกล่าวว่าการพูดคุยแบบพบหน้ากันเป็นเรื่องที่ดีกว่าพร้อมกับเรียกร้องให้สหรัฐและจีนเพิ่มการติดต่อสื่อสารระหว่างกันและกัน

“ไบเดน” ลงนามกฎหมายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแล้วหวังหนุนสหรัฐโตแซงหน้าจีน

ประธานาธิบดีโจไบเดนแห่งสหรัฐได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Bipartisan Infrastructure Framework – BIF) วงเงินกว่า1ล้านล้านดอลลาร์แล้วซึ่งถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของปธน.ไบเดนที่สามารถรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งว่าเขาจะสร้างงานจำนวนหลายล้านตำแหน่งและผลักดันสหรัฐให้สามารถแข่งขันกับจีนได้กฎหมายBIF ซึ่งรวมถึงงบประมาณการใช้จ่ายระยะเวลา5ปีวงเงิน5.50แสนล้านดอลลาร์นั้นใช้เวลานานหลายเดือนก่อนที่จะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสโดยกฎหมายฉบับนี้จะเปิดทางให้โครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของปธน.ไบเดนกลายเป็นรูปธรรมซึ่งรวมถึงการสร้างถนน, สะพาน, การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและการสร้างเครือข่ายสถานีชาร์ตแบตเตอร์รี่รถยนต์ไฟฟ้าทั่วประเทศ   “กฎหมายฉบับนี้จะทำให้ปี2565เป็นปีแรกในรอบ20ปีที่การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐขยายตัวรวดเร็วกว่าจีน” ปธน.ไบเดนกล่าวในพิธีลงนามบังคับใช้กฎหมายBIF ที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้เมื่อวันที่26มิ.ย.ที่ผ่านมาปธน.ไบเดนได้ประกาศการบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสเกี่ยวกับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในสหรัฐโดยโครงการBIF ดังกล่าวมีวงเงินรวม1.2ล้านล้านดอลลาร์และมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในสหรัฐ    “โครงการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยสร้างงานหลายล้านตำแหน่งในสหรัฐและจะช่วยให้โครงสร้างพื้นฐานของเรามีความทันสมัยมากขึ้นโครงการเหล่านี้จะสร้างระบบการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมน้ำประปาที่สะอาดมีเครือข่ายบรอดแบนด์ที่ครอบคลุมมีสาธารณูปโภคด้านพลังงานที่สะอาดและจะช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมซึ่งโครงการลงทุนเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนAmerican Jobs Plan ของผม” ปธน.ไบเดนเปิดเผยในวันดังกล่าว

- Advertisement -

Comments
Loading...