GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 16 ธ.ค.64 by HGF

261

- Advertisement -

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

เฟดเพิ่มการปรับลดวงเงิน QE เดือนละ 30,000 ล้านดอลลาร์

คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญหลายตัวแนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดฟื้นตัวขึ้น

  • ราคาทองคำ Spot เมื่อคืนปรับลดลงในระดับต่ำสุดที่ 1,753 ดอลลาร์ ภายหลังเฟดคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมที่ระดับ 0.00%-0.25% แต่เฟดได้ส่งสัญญาณเพิ่มการปรับลดวงเงิน QE เป็นเดือนละ 30,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนม.ค.2565ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ขายทองคำสุทธิ2.90 ตันจากเมื่อวาน
  • คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญหลายตัว ได้แก่  ดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนธ.ค.จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์การอนุญาตก่อสร้างบ้านและการเริ่มก่อสร้างเดือนพ.ย.การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนธ.ค. นอกจากนี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป และการแถลงของธนาคารกลางยุโรป
  • แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดฟื้นตัวขึ้น โดยมีแนวต้าน 1,792 ดอลลาร์ และ 1,800 ดอลลาร์ขณะที่มีแนวรับที่ 1,760 ดอลลาร์ และ 1,750 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,776.50+6.001,760/1,7501,792/1,800

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,050-25027,900/27,75028,250/28,400

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,150+1028,120/27,90028,410/28,540

แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,760 ดอลลาร์ (GF 28,120บาท)โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,750ดอลลาร์ (GF27,900บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,770.80-0.501,761/1,7511,793/1,801

แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาGOZ21ปรับลงมาที่ 1,761 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,751ดอลลาร์

ค่าเงิน

- Advertisement -

ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวทรงตัวในกรอบ 33.36-33.45 บาท/ดอลลาร์ จากที่เมื่อวานนี้ตลาดรอดูสัญญาณของการประชุม FOMC ในขณะระยะสั้นทิศทางค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่า สำหรับUSD Futures เดือนธ.ค.63 คาดจะมีแนวรับที่ 33.20บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่33.60บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ:ดอลล์อ่อนค่าเล็กน้อยหลังผลประชุมเฟดเป็นไปตามคาด

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (15 ธ.ค.) หลังจากผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้นอกจากนี้ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากรายงานยอดค้าปลีกของสหรัฐที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือนพ.ย.    ทั้งนี้ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.05% แตะที่ 96.5179 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ:ทองปิดลบ 7.8 ดอลลาร์ก่อนตลาดรู้ผลประชุมเฟด

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (15 ธ.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ซบเซาเนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)   ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 7.8 ดอลลาร์หรือ 0.44% ปิดที่ระดับ 1,764.5 ดอลลาร์/ออนซ์ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค. 2564    สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 37.9 เซนต์หรือ 1.73% ปิดที่ 21.545 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ:น้ำมันWTI ปิดบวก 14 เซนต์รับสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (15 ธ.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐยังคงแข็งแกร่งนอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศชัดเจนว่าจะยุติการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนมี.ค.ปีหน้าเพื่อสกัดเงินเฟ้อสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 14 เซนต์หรือ 0.2% ปิดที่ 70.87 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 18 เซนต์หรือ 0.2% ปิดที่ 73.88 ดอลลาร์/บาร์เรล

ตลาดหุ้นต่างประเทศ: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 383.25 จุดขานรับเฟดพูดชัดยุติQE เดือนมี.ค.ปีหน้า

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา (15 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศชัดเจนว่าจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนมี.ค. 2565 ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,927.43 จุดเพิ่มขึ้น 383.25 จุดหรือ +1.08%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,709.85 จุดเพิ่มขึ้น 75.76 จุดหรือ +1.63% และดัชนีNasdaqปิดที่ 15,565.58 จุดเพิ่มขึ้น 327.94 จุดหรือ + 2.15%

“เฟาชี” ชี้โอมิครอนมีแนวโน้มกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในสหรัฐ

นายแพทย์แอนโทนีเฟาชีแพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19ของทำเนียบขาวเปิดเผยว่าไวรัสโควิด-19สายพันธุ์โอมิครอนมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในสหรัฐนายแพทย์เฟาชีกล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่าไวรัสโอมิครอนจะเป็นสิ่งที่ท้าทายเพราะแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วและวัคซีนmRNA ที่เราใช้นั้นไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ดีมากนักนอกจากนี้นายแพทย์เฟาชีระบุเสริมว่าแอฟริกาใต้ซึ่งเป็นสถานที่ตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19สายพันธุ์โอมิครอนเป็นครั้งแรกนั้นพบยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นเกือบจะเป็นแนวดิ่งแต่กลับไม่พบผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลที่มีอาการรุนแรงทั้งนี้เมื่อนับจนถึงวันจันทร์ที่13ธ.ค. สหรัฐพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนในอย่างน้อย31รัฐนับตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศที่รัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวันที่1ธ.ค.ที่ผ่านมา

วัคซีนไฟเซอร์-โมเดอร์นา-จอห์นสันฯไม่สามารถป้องกันโอมิครอนหากไม่ฉีดบูสเตอร์

ผลการศึกษาล่าสุดบ่งชี้ว่าวัคซีนของทั้ง3บริษัทที่ได้รับการอนุมัติจากสหรัฐซึ่งได้แก่วัคซีนของโมเดอร์นา, จอห์นสันแอนด์จอห์นสันและไฟเซอร์/ไบออนเทคไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันไวรัสโควิด-19สายพันธุ์โอมิครอนหากไม่มีการฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าผลการศึกษาดังกล่าวได้จากการวิจัยในห้องทดลองซึ่งดำเนินการโดยโรงพยาบาลแมสซาชูเซตส์เจเนอรัล, มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและสถาบันMIT ด้วยการนำเลือดจากผู้ที่ได้รับวัคซีนของทั้ง3บริษัทดังกล่าวมาทำการทดลองประสิทธิภาพในการต้านทานPseudovirus ซึ่งเป็นไวรัสที่ถูกสร้างขึ้นให้มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับไวรัสโอมิครอนทั้งนี้ทีมวิจัยจากทั้ง3สถาบันพบว่าวัคซีน2เข็มของบริษัทไฟเซอร์/ไบออนเทคและโมเดอร์รวมทั้งวัคซีน1เข็มของจอห์นสันแอนด์จอนห์สันสามารถสร้างแอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์ (Neutralizing Antibody) ของไวรัสโอมิครอนได้ในระดับต่ำแต่เลือดที่ได้รับจากผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์สามารถสร้างแอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์ของไวรัสโอมิครอนได้ดีกว่านอกจากนี้ทีมวิจัยของทั้ง3สถาบันยังตั้งข้อสังเกตว่าไวรัสโอมิครอนสามารถติดเชื้อได้ง่ายกว่าไวรัสสายพันธุ์อื่นๆซึ่งรวมถึงการแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าไวรัสเดลตาถึง2เท่าและมีแนวโน้มว่าไวรัสโอมิครอนจะกลายเป็นไวรัสสายพันธุ์หลักแทนไวรัสเดลตาในไม่ช้านี้ผลการวิจัยดังกล่าวสอดคล้องกับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดของอังกฤษซึ่งออกรายงานเมื่อวันที่13ธ.ค.ที่ผ่านมาว่าการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19ของบริษัทไฟเซอร์หรือแอสตร้าเซนเนก้าจำนวน2เข็มอาจไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนนอกจากนี้ผลการศึกษาของสำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพของอังกฤษ (HSA) ยังพบว่าการฉีดวัคซีนไฟเซอร์หรือแอสตร้าเซนเนก้าจำนวน2เข็มให้ประสิทธิภาพต่ำในการป้องกันอาการของโรคโควิด-19จากสายพันธุ์โอมิครอนเมื่อเทียบกับการป้องกันสายพันธุ์เดลตา

ผลสำรวจชี้ชาวอังกฤษส่วนใหญ่คาดBoE ขึ้นดอกเบี้ยในอีก 6 เดือนข้างหน้า

ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยไอเอชเอสมาร์กิตระบุว่าชาวอังกฤษที่ได้รับการสำรวจราว 2 ใน 3 ส่วนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอีก 6 เดือนข้างหน้าอย่างไรก็ดีสัดส่วนของภาคครัวเรือนที่คาดว่าBoE จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในอีก 3 เดือนข้างหน้านั้นได้ลดน้อยลงเนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนผลสำรวจบ่งชี้ว่า 67% ของชาวอังกฤษที่เข้ารับการสำรวจคาดการณ์ว่าBoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในระยะเวลา 6 เดือนจากระดับปัจจุบันที่ 0.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์โดยสัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากระดับ 66% ที่มีการสำรวจในเดือนพ.ย. และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการสำรวจในปี 2556

- Advertisement -

Comments
Loading...