GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 15 ธ.ค.64 by YLG

219

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

เสี่ยงซื้อเพื่อทำกำไรระยะสั้น โดยพิจารณาเปิดสถานะซื้อหากราคาสามารถยืนเหนือ 1,767-1,751 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ให้ทยอยขายทำกำไรหากราคายังไม่ยืนเหนือโซน 1,791-1,796 ดอลลาร์ต่อออนซ์ คำนึงถึงความเสี่ยงจากผลการประชุมเฟด

แนวรับ : 1,767 1,751 1,732  แนวต้าน : 1,796 1,808 1,821

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง  16.50ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์  หลังจากวานนี้สหรัฐเผยดัชนี PPI ที่เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต พุ่งขึ้น 9.6% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนพ.ย. 2010 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.2% ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าข้อจำกัดด้านอุปทานยังคงดำเนินต่อไป  ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาณที่บ่งชี้อัตราเงินเฟ้ออาจอยู่ในระดับสูงอีกสักระยะหนึ่ง  สถานการณ์ดังกล่าวยิ่งกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เฟดจะประกาศ “เร่ง” ปรับลด QE ในการประชุมนโยบายการเงินที่กำลังจะสิ้นสุดลงในช่วงกลางดึกของคืนนี้วันนี้  เพื่อเปิดทางสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้เร็วขึ้นกว่าที่เคยประเมินไว้เพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น  ซึ่งนั่นเป็นปัจจัยกดดันให้ราคาทองคำร่วงหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันบริเวณ 1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์  และร่วงลงต่อทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,766.58 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -2.04 ตัน  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดค้าปลีก, ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) จากเฟดนิวยอร์ก, สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค. โดย NAHBพร้อมจับตาผลการประชุมเฟด คาด“คง” ดอกเบี้ยและประกาศปรับ “เพิ่ม” วงเงินในการ Taper QE และแนะนำรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับแผนการปรับขึ้นดอกเบี้ย  รวมถึงมุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐผ่านทางแถลงการณ์ของประธานเฟด, Economic  Projections (คาดการณ์ GDP, อัตราการว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ) และ Dot  Plot(คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของเจ้าหน้าที่เฟด  ซึ่งมีแนวโน้มจะส่งผลให้ราคาทองคำผันผวนได้

จจัยทางเทคนิค :

หากราคาทรงตัวรักษาระดับไว้ได้มีลุ้นที่ราคาจะขึ้นไปทดสอบโซน 1,791-1,796 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขณะที่แนวรับนั้นอยู่ในบริเวณ 1,767-1,751 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนได้แรงเข้าซื้อระยะสั้นจะเพิ่มขึ้น ซึ่งหากราคาผ่านแนวต้านแรกได้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบ แนวต้านถัดไปโซน1,808 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

แนะนำเสี่ยงเข้าซื้อ หากราคาไม่หลุดแนวรับ1,767-1,751ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาหลุดโซน 1,751ดอลลาร์ต่อออนซ์) และแบ่งขายทำกำไรหากราคาไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ1,791-1,796ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากผ่านได้ชะลอการปิดสถานะซื้อไปที่แนวต้านถัดไปบริเวณ 1,808 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) WHO เตือนนานาประเทศรับมือ ขณะโอมิครอนเตรียมครองโลกนายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนกำลังแพร่ระบาดในอัตราที่รวดเร็วกว่าไวรัสสายพันธุ์อื่น และมีแนวโน้มที่จะระบาดไปยังทุกประเทศทั่วโลก  “โอมิครอนกำลังแพร่ระบาดในอัตราความเร็วที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนในไวรัสสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ และขณะนี้ได้ระบาดไปยัง 77 ประเทศแล้ว ความจริงก็คือ ขณะนี้โอมิครอนได้ไปยังประเทศส่วนใหญ่ของโลกแล้ว แม้ว่ายังไม่ถูกตรวจพบในบางประเทศก็ตาม” นายแพทย์ทีโดรสกล่าว
  • (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 106.77 จุด กังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยหลัง PPI พุ่งดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่พุ่งขึ้นทำนิวไฮในเดือนพ.ย.จะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,544.18 จุด ลดลง 106.77 จุด หรือ -0.30%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,634.09 จุด ลดลง 34.88 จุด หรือ -0.75% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,237.64 จุด ลดลง 175.64 จุด หรือ -1.14%
  • (-) สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมสูงกว่าคาดในเดือนพ.ย.สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) แถลงในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 98.4 ในเดือนพ.ย. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 98.0 หลังจากแตะระดับ 98.2 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
  • (-) สหรัฐเผยดัชนี PPI พุ่งเป็นประวัติการณ์ 9.6% ในเดือนพ.ย.กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต พุ่งขึ้น 9.6% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนพ.ย.2553 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.2% หลังจากดีดตัวขึ้น 8.8% ในเดือนต.ค.  เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI ดีดตัวขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5% หลังจากปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค.  ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4%  เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พื้นฐานพุ่งขึ้น 6.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนส.ค.2557 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.2%
  • (-) Dogecoin พุ่งกระฉูด หลัง “อีลอน มัสก์” ไฟเขียวรับชำระค่าซื้อรถยนต์เทสลาDogecoinพุ่งขึ้นเกือบ 30% ในวันนี้ หลังจากที่นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา อิงค์ กล่าวว่า เทสลาจะรับ Dogecoin จากลูกค้าสำหรับการซื้อรถยนต์ของบริษัท  ณ เวลา 18.44 น.ตามเวลาไทย Dogecoin ทะยานขึ้น 29.33% สู่ระดับ 0.20 ดอลลาร์ ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Coin Metrics 
  • (-) ดอลล์แข็งค่า รับคาดการณ์เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยหลัง PPI พุ่งแรงดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ย.  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.27% แตะที่ 96.5682 เมื่อคืนนี้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.73 เยน จากระดับ 113.52 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9242 ฟรังก์ จากระดับ 0.9220 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2855 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2795 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1257 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1289 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3220 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3218 ดอลลาร์
  • (-) อังกฤษติดโควิดวันเดียวเกือบ 60,000 ราย สูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 64กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษเปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 59,610 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2564 และสูงเป็นอันดับ 5 นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดในเดือนมี.ค.2563 ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 10,932,545 ราย ซึ่งสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากสหรัฐ อินเดีย และบราซิล  ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 150 ราย สู่ระดับ 146,627 ราย
  • (-) ไฟเซอร์ยันแพกซ์โลวิดรักษาโควิดได้ผลเกือบ 90% สามารถรับมือโอมิครอน บริษัทไฟเซอร์ อิงค์ เปิดเผยในวันนี้ว่า ผลการวิเคราะห์ขั้นสุดท้ายยืนยันว่า ยาแพกซ์โลวิดของทางบริษัทสามารถลดความเสี่ยงของผู้ป่วยโควิด-19 ในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้ถึง 89%  นอกจากนี้ ข้อมูลยังระบุว่า ยาแพกซ์โลวิดมีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

- Advertisement -

Comments
Loading...