GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 15 ธ.ค.64 by HGF

246

- Advertisement -

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

  • ราคาทองคำ Spot เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับลดลงในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ จากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ภายหลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพ.ย. (PPI) ที่พุ่งขึ้น 9.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี นับว่าเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนพ.ย. 2553 ท่ามกลางความกังวลว่าเฟดจะเร่งมาตราการนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ขายทองคำสุทธิ2.04 ตันจากเมื่อวาน
  • คืนนี้ช่วงเวลาตี 2 ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ  ตลาดคาดว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมที่ระดับ  0.00%-0.25% แต่เฟดอาจส่งสัญญาณปรับลดวงเงิน QE มากขึ้น นอกจากนี้สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. ตลาดคาดว่า จะเพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนต.ค. และดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์กเดือนธ.ค. ตลาดคาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 24.9 จากระดับ 30.9 ในเพือนพ.ย.
  • แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดปรับลดลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามตลาดรอความชัดเจนของการประชุม FOMC โดยมีแนวต้าน 1,792 ดอลลาร์ และ 1,800 ดอลลาร์ขณะที่มีแนวรับที่ 1,760 ดอลลาร์ และ 1,750 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,770.50-16.511,760/1,7501,792/1,800

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,250-5028,100/27,90028,450/28,550

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,220-11028,120/27,90028,410/28,540

แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาทอง Spot ปรับขึ้นมาที่ 1,760 ดอลลาร์ (GF 28,120บาท)โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,750ดอลลาร์ (GF27,900บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,774.80-9.301,761/1,7511,793/1,801

แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาGOZ21ปรับขึ้นมาที่ 1,761 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,751ดอลลาร์

ค่าเงิน

ค่าเงินบาทเมื่อวานนี้เคลื่อนไหวทรงตัวในกรอบ 33.35-33.45 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ และนักลงทุนรอความชัดเจนของการประชุมเฟดที่จะทราบผลในคืนนี้ ในขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาทในระยะสั้นคาดว่าเคลื่อนไหวในกรอบ 33.25-33.53 โดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33.25บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน33.53บาท/ดอลลาร์

- Advertisement -

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยหลังPPI พุ่งแรง

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (14 ธ.ค.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ย.    ทั้งนี้ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.27% แตะที่ 96.5682 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดร่วง $16 หวั่นPPI พุ่งแรงหนุนเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์มื่อคืนที่ผ่านมา (14 ธ.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย.ของสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 16 ดอลลาร์หรือ 0.89% ปิดที่ 1,772.3 ดอลลาร์/ออนซ์ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค. 2564     สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 40.4 เซนต์หรือ 1.81% ปิดที่ 21.924 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดลบ 56 เซนต์หลังIEA เตือนโอมิครอนกระทบดีมานด์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์เมื่อคืนที่ผ่านมา (14 ธ.ค.) หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานเตือนว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 56 เซนต์หรือ 0.8% ปิดที่ 70.73  ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค. 2564  ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 69 เซนต์หรือ 0.9% ปิดที่ 73.70 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค. 2564

ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดลบ 106.77 จุดกังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยหลังPPI พุ่ง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (14 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่พุ่งขึ้นทำนิวไฮในเดือนพ.ย.จะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,544.18 จุดลดลง 106.77 จุดหรือ -0.30%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,634.09 จุดลดลง 34.88 จุดหรือ -0.75% และดัชนีNasdaq ปิดที่ 15,237.64 จุดลดลง 175.64 จุดหรือ -1.14%

นักวิเคราะห์ชี้เฟดลดQE จะส่งผลกระทบเล็กน้อยต่อตลาดเอเชีย

นักวิเคราะห์จากธนาคารยูไนเต็ดโอเวอร์ซีส์แบงก์ (UOB) คาดการณ์ว่าการยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่มีแนวโน้มที่จะสร้างความผันผวนในตลาดเอเชียเฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินรายเดือนในสัปดาห์นี้ซึ่งคาดว่าเฟดจะปรับลดวงเงินQE ลง3หมื่นล้านดอลลาร์/เดือนตั้งแต่เดือนม.ค.ปีหน้าจากปัจจุบันที่ปรับลด1.5หมื่นล้านดอลลาร์/เดือนและคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี2565เฮงคูนฮาวหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การตลาดของUOB  เปิดเผยในรายการSquawk Box Asia ของสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า “โดยทั่วไปธนาคารกลางในเอเชียทุกแห่งต่างเตรียมพร้อมเป็นอย่างดีโดยมีทุนสำรองFX แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกทั้งยังได้สื่อสารกันเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายของเฟดเราควรจะสามารถจัดการกับการไหลออกของเงินทุนร้อนเมื่อเฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย”   นอกจากนี้นายเฮงระบุเสริมว่าปัจจัยพื้นฐานทางการค้าที่แข็งแกร่งของเอเชียมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนประเทศต่างๆในภูมิภาคและช่วยให้พวกเขาสามารถรับมือได้เมื่อเฟดยุติโครงการซื้อพันธบัตรทั้งนี้นายเฮงระบุว่า “เอเชียมีรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการค้าและถูกชี้นำโดยจีนโดยรูปแบบเศรษฐกิจของเรานั้นล้วนขับเคลื่อนด้วยการส่งออก, ช่วยให้เกิดสภาพแวดล้อมที่แข็งแกร่งและตอกย้ำเสถียรภาพของสกุลเงินท้องถิ่น” พร้อมเสริมว่า “เราจะเผชิญกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอย่างแน่นอน”

คะแนนนิยม “ไบเดน” ลดฮวบชาวมะกันไม่ปลื้มแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ-อาวุธปืน

หนังสือพิมพ์USA Today รายงานโดยอ้างอิงผลสำรวจของเอบีซีนิวส์/อิปซอสว่าชาวอเมริกันไม่พอใจกับผลงานของประธานาธิบดีโจไบเดนในการรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจ, การแพร่ระบาดของโควิด-19และความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืนทั้งนี้ชาวอเมริกันมองว่าการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อเป็นเรื่องที่น่ากังวลที่สุดโดยผลสำรวจดังกล่าวบ่งชี้ว่ามีชาวอเมริกันเพียง28%เท่านั้นที่พอใจกับการรับมือปัญหาเงินเฟ้อของปธน.ไบเดนขณะที่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน69%ไม่พึงพอใจปธน.ไบเดนเผชิญวิกฤตศรัทธาอย่างหนักจากชาวอเมริกันที่ไม่พอใจแนวทางการรับมือโรคระบาดโดยขณะนี้เชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนแพร่กระจายไปทั่วประเทศจนทำให้รัฐบาลต้องกลับมาบังคับใช้กฎการสวมหน้ากากอนามัยรวมทั้งจำกัดการเดินทางและผลักดันการฉีดวัคซีนเข็มที่3 ผลสำรวจล่าสุดระบุว่าชาวอเมริกัน53%พอใจกับการรับมือโรคระบาดของปธน.ไบเดนลดลงจากผลสำรวจในเดือนมี.ค.ซึ่งระบุว่ามีประชาชนพึงพอใจสูงถึง72%ขณะที่สัดส่วนความไม่พอใจในการสำรวจครั้งล่าสุดมีสูงถึง45%

อังกฤษเตือนโอมิครอนกลายเป็นสายพันธุ์หลักในลอนดอนภายใน 48 ชั่วโมง

นายซาจิดจาวิดรัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษกล่าวว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนกำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและจะเป็นสายพันธุ์หลักในกรุงลอนดอนภายในเวลา 48 ชั่วโมง  “ยังไม่เคยมีไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใดที่ระบาดเร็วแบบนี้มาก่อนและในขณะที่โอมิครอนคิดเป็นสัดส่วนเพียง 20% ของผู้ติดเชื้อในอังกฤษแต่ก็สูงถึง 44% ในกรุงลอนดอนและเราคาดว่าโอมิครอนจะเป็นสายพันธุ์หลักในกรุงลอนดอนภายในเวลา 48 ชั่วโมง” นายจาวิดกล่าวด้านนายบอริสจอห์นสันนายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวยืนยันในวันนี้ว่ามีผู้ป่วยโควิด-19 รายหนึ่งในอังกฤษได้เสียชีวิตลงหลังติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนผู้ป่วยรายนี้ถือเป็นผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกในอังกฤษที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน     “เป็นเรื่องน่าเศร้าที่โอมิครอนทำให้ผู้ป่วยโควิด-19 ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลและทำให้มีผู้ป่วยอย่างน้อย 1 รายเสียชีวิตดังนั้นผมคิดว่าเราต้องปรับแนวคิดใหม่จากเดิมที่คิดว่าไวรัสนี้ไม่ทำให้เกิดอาการรุนแรงและให้ตระหนักถึงความรวดเร็วในการแพร่ระบาดในหมู่ประชาชนดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดที่เราทำได้คือการให้ทุกคนเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3” นายจอห์นสันกล่าว

- Advertisement -

Comments
Loading...