GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 14 พ.ย.65 by YLG

423

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

ราคาทองคำยังคงพยายามยืนเหนือ 1,752-1,735 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ มีแนวโน้มขึ้นทดสอบ 1,787-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าไม่สามารถปรับขึ้นไปยืนได้อาจเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา

แนวรับ : 1,752 1,735 1,717  แนวต้าน : 1,787 1,803 1,821

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนหลักจากการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 50 bps ในการประชุมเดือนธ.ค.หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ “ต่ำเกินคาด”

นอกจากนี้ ดัชนีดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากการเปิดรับความเสี่ยง(Risk on) ของนักลงทุนหลังจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการคุมโควิดบางประการในวันศุกร์ ซึ่งรวมถึงการลดระยะเวลาการกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศ สถานการณ์ดังกล่าวกระตุ้นแรงขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ขณะที่ผลสำรวจของม.มิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงเกินคาดสู่ระดับ 54.7 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 59.9 ในเดือนต.ค.

- Advertisement -

ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดกดดันให้ดัชนีดอลลาร์ให้ปิดดิ่งลงอีก 1.76% ในวันศุกร์ ทำสถิติร่วงลง 2 วันติดกันที่มากสุดนับตั้งแต่มี.ค. 2009 และเป็นปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการทะยานขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3เดือนบริเวณ 1,772.45 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่เช้านี้ ราคาทองคำจะเปิดตลาดลดลงตั้งแต่ในช่วงเช้าของตลาดเอเชีย โดยได้รับแรงกดดันจากการฟื้นตัวของดัชนีดอลลาร์ ขานรับผลการเลือกตั้งกลางเทอมที่พรรคเดโมแครตสามารถรักษาเสียงข้างมากในวุฒิสภาไว้ได้อีก 2 ปี ประกอบกับนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า แม้เฟดอาจพิจารณา “ชะลอ” การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. แต่ไม่ควรมองว่าเป็นการ “ผ่อนคลาย” ความมุ่งมั่นในการลดอัตราเงินเฟ้อ และมองว่าตอนนี้ยังห่างไกล (a ways off) จากจุดสิ้นสุด(endpoint)ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -1.45 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามถ้อยแถลงของนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด

จจัยทางเทคนิค

ราคาทองคำพยายามทดสอบกรอบราคาด้านบน แม้ว่าจะเกิดแรงขายทำกำไรสลับเข้ามา แต่การอ่อนตัวลงยังคงจำกัด หากราคาพยายามยืนเหนือโซนแนวรับ 1,752-1,735 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ทำให้ราคายังคงมีโอกาสขยับขึ้นเพื่อทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,787-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (1,787 ระดับสูงสุดของเดือนพ.ค.)

กลยุทธ์การลงทุน

แนะนำเปิดสถานะซื้อในบริเวณ 1,752-1,735 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ลดพอร์ตสถานะซื้อหากราคาหลุด 1,735 ดอลลาร์ต่อออนซ์) เมื่อราคาดีดตัวขึ้นให้พิจารณาโซน 1,787-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นจุดปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไร

ข่าวสารประกอบการลงทุน

  • (+) ผลสำรวจม.มิชิแกนชี้ผู้บริโภคลดความเชื่อมั่น ขณะเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อ  ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 54.7 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 59.9 ในเดือนต.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 59.5
  • (+) ดอลล์ร่วงแรง หลังเงินเฟ้อต่ำกว่าคาดหนุนเฟดชะลอขึ้นดบ.  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (11 พ.ย.) หลังจากการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด จะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 1.76% สู่ระดับ 106.2950  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 138.53 เยน จากระดับ 141.84 เยน, ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9412 ฟรังก์ จากระดับ 0.9666 ฟรังก์, ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3248 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3352 ดอลลาร์แคนาดา และดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดนที่ระดับ 10.3512 โครนา จากระดับ 10.6139 โครนา  ส่วนยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0366 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0183 ดอลลาร์ และเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.1854 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1696 ดอลลาร์
  • (-) เฟดเผยแบบจำลอง GDPNow บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 4.0% ใน Q4/65  ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 4.0% ในไตรมาส 4 โดยสูงกว่าระดับ 3.6% ที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้
  • (-) พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา หลังชนะเลือกตั้งในรัฐเนวาดา-แอริโซนา สำนักข่าว CNN คาดการณ์ว่าเดโมแครต ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลสหรัฐจะรักษาเสียงข้างมากในวุฒิสภาไว้ไปได้อีก 2 ปี หลังจากชนะเลือกตั้งไปแบบเฉียดฉิวในรัฐเนวาดาและแอริโซนา โดยขณะนี้เดโมแครตได้ที่นั่งในวุฒิสภาไป 50 ที่นั่ง ส่วนพรรครีพับลิกันได้ไป 49 ที่นั่ง
  • (-) ยอดติดโควิดรายใหม่ในจีนพีกสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย. จีนรายงานในวันนี้ (12 พ.ย.) ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย. หลังจากจีนเพิ่งประกาศผ่อนคลายมาตรการคุมโควิดบางประการเมื่อวานนี้ (11 พ.ย.) ซึ่งรวมถึงการลดระยะเวลาการกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศ ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (zero-COVID policy) ที่เข้มงวดอย่างมาก
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 32.49 จุด รับเงินเฟ้อต่ำกว่าคาด-หวังเฟดชะลอขึ้นดบ.  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (11 พ.ย.) โดยยังคงได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ยหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐต่ำกว่าคาดในเดือนต.ค.  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,747.86 จุด เพิ่มขึ้น 32.49 จุด หรือ +0.10%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,992.93 จุด เพิ่มขึ้น 36.56 จุด หรือ +0.92% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,323.33 จุด เพิ่มขึ้น 209.18 จุด หรือ +1.88%

- Advertisement -

Comments
Loading...