GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 13 ก.ย.64 by YLG

332

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

ซื้อขายทำกำไรระยะสั้นตามกรอบราคา ระหว่างวันหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้าน1,800-1,802 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อาจจะเห็นการอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับบริเวณ 1,775-1,757 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,775 1,757 1,740  แนวต้าน : 1,802 1,816 1,833

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลดลง  6.58ดอลลาร์ต่อออนซ์  แม้ระหว่างวันการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์จะหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,803.75  ดอลลาร์ต่อออนซ์  อย่างไรก็ดี  ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้  โดยปรับตัวลดลงหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ดีดตัวขึ้น 0.7% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.6%  และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พุ่งขึ้น 8.3% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนพ.ย.2010  สะท้อนว่าเงินเฟ้อในสหรัฐจะอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง  ทั้งนี้  ข้อมูลดังกล่าวกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)ภายในปีนี้  ตอกย้ำการคาดการณ์ดังกล่าวด้วยความเห็นของนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดคลีฟแลนด์ ที่ออกมาสนับสนุนให้เฟดเริ่มปรับลดวงเงิน QE ในปีนี้ แม้สหรัฐมีการจ้างงานที่อ่อนแอในเดือนส.ค.ก็ตาม  ปัจจัยที่กล่าวมาหนุนดัชนีดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น 0.13%  ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับสูงสุดที่ 1.353% จนเป็นปัจจัยกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยเพิ่ม  นั่นทำให้ราคาทองคำร่วงลงจากระดับสูงสุดในระหว่งวันสู่ระดับต่ำสุดบริเวณ  1,786.9 ดอลลาร์ต่อออนซ์พร้อมปิดตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมาในแดนลบเป็นสัปดาห์แรกหลังจากปิดบวกมา 4 สัปดาห์ติดต่อกัน  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำมาเปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ไม่มีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค :

หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือโซน 1,800-1,802 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจทำให้เกิดการอ่อนตัวลงของราคาทดสอบแนวรับโซน 1,782-1,775 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถยืนเหนือโซนแนวรับแรกได้ก็จะเห็นการอ่อนตัวลง โดยมีโอกาสที่จะราคาทดสอบแนวรับถัดไปบริเวณ 1,757 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

การเข้าซื้อขายทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัวในกรอบ แนะนำรอดูบริเวณ 1,800-1,802 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่ผ่านสามารถเปิดสถานะขายทำกำไรระยะสั้น (ตัดขาดทุนสถานะขายหากราคาผ่าน 1,816 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้) ทยอยซื้อคืนเพื่อปิดสถานะขายเมื่อราคาอ่อนตัวลงบริเวณแนวรับ1,775-1,757 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) CDC สหรัฐชี้คนไม่ฉีดวัคซีนมีแนวโน้มเสียชีวิตจากโควิดมากกว่าคนฉีดแล้ว 11 เท่ผลการศึกษาครั้งใหม่ของสหรัฐที่เปิดเผยในวันศุกร์ (10 ก.ย.) บ่งชี้ว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ยังคงมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันอาการป่วยหนักจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิต ขณะที่ไวรัสสายพันธุ์เดลตายังคงแพร่ระบาดทั่วประเทศศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเปิดเผยว่า จากการติดตามศึกษากรณีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 600,000 รายใน 13 รัฐตั้งแต่เดือนเม.ย.ถึงกลางเดือนก.ค.พบว่า ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนมีแนวโน้มติดเชื้อไวรัสโควิดมากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วประมาณ 4.5 เท่า, มีโอกาสที่จะต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลมากกว่า 10 เท่า และมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว 11 เท่าดร.โรเชลล์ วาเลนสกี้ ผู้อำนวยการ CDC เปิดเผยในการแถลงที่ทำเนียบขาวในวันศุกร์ว่า “การฉีดวัคซีนได้ผล” และ “สิ่งสำคัญที่สุดคือ เรามีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่เราต้องการเพื่อพลิกสถานการณ์การระบาดใหญ่นี้”
  • (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 271.66 จุด วิตกเฟดลด QE เร็วกว่าคาดหลังเงินเฟ้อพุ่งดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐหลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนส.ค. และนักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,607.72 จุด ลดลง 271.66 จุด หรือ -0.78%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,458.58 จุด ลดลง 34.70 จุด หรือ -0.77% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,115.49 จุด ลดลง 132.76 จุด หรือ -0.87%
  • (-) สหรัฐเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค.กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากพุ่งขึ้น 1.2% ในเดือนมิ.ยเมื่อเทียบรายปี สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 11.5% ในเดือนก.ค.ส่วนยอดขายในภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 2.0% ในเดือนก.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 2.3% ในเดือนมิ.ย.
  • (-) ประธานเฟดคลีฟแลนด์หนุนหั่น QE ปีนี้ แม้ตัวเลขจ้างงานวูบในเดือนส.ค.นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวสนับสนุนให้เฟดเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในปีนี้ แม้สหรัฐมีการจ้างงานที่อ่อนแอในเดือนส.ค.ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 235,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 720,000 ตำแหน่ง หลังจากพุ่งขึ้น 1,053,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค.  “ดิฉันไม่คิดว่าตัวเลขการจ้างงานในเดือนส.ค.จะเปลี่ยนแปลงมุมมองของดิฉันที่ว่าเฟดมีความคืบหน้าอย่างมากในการบรรลุเป้าหมายการจ้างงานและเงินเฟ้อ” นางเมสเตอร์กล่าว
  • (-) สหรัฐเผยดัชนี PPI พุ่งเป็นประวัติการณ์ 8.3% ในเดือนส.ค.กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ดีดตัวขึ้น 0.7% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.6%   เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พุ่งขึ้น 8.3% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนพ.ย.2553 หลังจากดีดตัวขึ้น 7.8% ในเดือนก.ค.ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 6.3% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนส.ค.2557
  • (-) ดอลล์แข็งเทียบสกุลเงินหลัก ขานรับข้อมูลศก.สหรัฐแกร่งดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งจะสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.10%แตะที่ 92.5779 เมื่อคืนนี้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.89 เยน จากระดับ 109.69 เยน, แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9178 ฟรังก์ จากระดับ 0.9168 ฟรังก์ และดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2658  ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2649 ดอลลาร์แคนาดายูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1815 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1829 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7364 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7371 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าแตะที่ระดับ 1.3845 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3837 ดอลลาร์

- Advertisement -

Comments
Loading...