GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 12 ม.ค.65 by YLG

229

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

อาจรอเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาใกล้ 1,810-1,797 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,797 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ทยอยปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไรหากราคาทองคำไม่ผ่าน 1,830-1,834 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,810 1,797 1,782  แนวต้าน : 1,834 1,849 1,863

จจัยพื้นฐาน

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดพุ่งขึ้น  19.74ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตลอดทั้งวันราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากการพักตัวของดัชนีดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  และแม้จะเกิดการอ่อนตัวลง แต่ราคายังคงทรงตัวรักษาระดับเหนือ 1,800 ดอลลาร์ได้อย่างต่อเนื่อง  จึงเกิดแรงซื้อ Buy the Dip เข้ามาพยุงราคาเอาไว้  ก่อนที่ราคาทองคำจะทะยานขึ้นแข็งแกร่ง  โดยได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ในระหว่างการกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาวานนี้ ที่แม้ว่านายพาวเวลจะระบุชัดว่า เฟดพร้อมจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่ผู้กำหนดนโยบายคาดการณ์ไว้ในปัจจุบันเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ อย่างไรก็ดี  ผู้กำหนดนโยบายยังคงถกเถียงกันถึงแนวทางในการปรับลดงบดุลของเฟด โดยอาจต้องใช้เวลา 2-4 การประชุมกว่าที่เฟดจะตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวได้  และแม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐไม่จำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายที่ดำเนินการอยู่อีกต่อไป  แต่ยังมี “หนทางยังอีกยาวไกล” สำหรับสิ่งที่ใกล้เคียงกับนโยบายที่เข้มงวด  โดยรวมแล้วตลาดมองว่าถ้อยแถลงของนายพาวเวลล์ Hawkish น้อยกว่าที่นักลงทุนบางส่วนประเมินไว้  อีกทั้งยัง Hawkish น้อยกว่าถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดท่านอื่น  ซึ่งสะท้อนว่าเฟดจะไม่เร่งคุมเข้มนโยบายการเงินแบบแข็งกร้าวเกินไปเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง  จึงส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.36% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงจากระดับสูงสุดรอบเกือบ 2 ปีจนเป็นปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการทะยานขึ้นของทองคำ  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง  -0.87 ตัน  สำหรับวันนี้จับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)ของสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค :

ราคาทองคำพยายามทรงตัวเคลื่อนไหวในกรอบ หากราคาสามารถยืนเหนือบริเวณแนวรับ1,810 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ มีแนวโน้มขึ้นทดสอบแนวต้าน1,830-1,834ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าไม่สามารถผ่านแนวต้านได้ จะเกิดแรงขายออกมา โดยแนวรับแรกจะอยู่ที่ 1,810 และแนวรับสำคัญอยู่บริเวณ 1,797 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

แนะนำเปิดสถานะซื้อในบริเวณ 1,810-1,797 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ลดพอร์ตการลงทุนหากราคาหลุด 1,797 ดอลลาร์ต่อออนซ์)และเมื่อราคาปรับตัวขึ้นทยอยปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไรหากราคาทองคำไม่ผ่าน1,830-1,834ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) “ยูไนเต็ด แอร์ไลน์” ประกาศลดเที่ยวบิน เหตุพนักงาน 3,000 รายป่วยโควิดนายสก็อตต์ เคอร์บี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ระบุว่า ทางสายการบินจำเป็นต้องปรับลดเที่ยวบินในเดือนนี้ เนื่องจากมีพนักงานมากถึง 3,000 รายที่แจ้งลาป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19  ทั้งนี้ ในเอกสารที่แจ้งต่อพนักงาน นายเคอร์บีระบุว่า ทางสายการบินจำเป็นต้องปรับลดจำนวนเที่ยวบินเพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทมีจำนวนพนักงานและทรัพยากรที่เพียงพอในการให้บริการต่อลูกค้า  อย่างไรก็ดี ไม่มีการเปิดเผยจำนวนเที่ยวบินที่มีการปรับลดดังกล่าว
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (11 ม.ค.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างไปจากเดิม ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันนี้  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.37% แตะที่ 95.6314 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9237 ฟรังก์ จากระดับ 0.9272 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2581 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2680 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 115.36 เยน จากระดับ 115.21 เยน  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1366 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1322 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3627 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3570 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7208 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7169 ดอลลาร์สหรัฐ
  • 4.1% ปีนี้จากพิษโควิดธนาคารโลกประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้สู่ระดับ 4.1% โดยลดลง 0.2% จากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมิ.ย.2564  นอกจากนี้ ธนาคารโลกปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีที่แล้ว สู่ระดับ 5.5% ลดลง 0.2% จากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้เช่นกัน
  • WHO เตือนอย่ามองโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นเหมือนไข้หวัดองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกโรงเตือนในวันนี้ว่า ประเทศต่างๆไม่ควรนิ่งนอนใจ โดยมองว่าโควิด-19 ได้กลายเป็นโรคประจำถิ่นเหมือนกับไข้หวัดใหญ่ แทนที่จะมองว่าเป็นโรคระบาดใหญ่ในวงกว้าง
  • สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) แถลงในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้น 0.5 จุด สู่ระดับ 98.9 ในเดือนธ.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 98.7
  • WHO เตือนชาวยุโรปกว่า 50% ติดเชื้อโอมิครอนภายใน 6-8 สัปดาห์นายฮานส์ คลูจ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคยุโรปและเอเชียกลางขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวเตือนในวันนี้ว่า ประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่งของยุโรปจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนภายในเวลา 6-8 สัปดาห์  นายคลูจกล่าวว่า ขณะนี้ยุโรปมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวนมากกว่า 7 ล้านรายภายในสัปดาห์แรกของปีนี้ ซึ่งมากกว่าถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้
  • 183.15 จุด ขานรับถ้อยแถลงพาวเวลดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (11 ม.ค.) โดยหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นนำตลาด หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างไปจากเดิม นอกจากนี้ นายพาวเวลยังเชื่อมั่นว่า แผนการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของเฟดจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการจ้างงานของสหรัฐ  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,252.02 จุด เพิ่มขึ้น 183.15 จุด หรือ +0.51%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,713.07 จุด เพิ่มขึ้น 42.78 จุด หรือ +0.92% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,153.45 จุด พุ่งขึ้น 210.62 จุด หรือ +1.41%
  • นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวยืนยันในวันนี้ว่า เฟดจะใช้ความพยายามในการสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ แม้จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้  “ห่วงโซ่อุปทานที่กลับสู่ภาวะปกติจะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันจากเงินเฟ้อในปีนี้ แต่เฟดก็ไม่กลัวที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดไว้ หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง” นายพาวเวลกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้  การกล่าวถ้อยแถลงในวันนี้ ถือเป็นการ “สอบสัมภาษณ์” ของนายพาวเวลต่อคณะกรรมาธิการฯ ดังกล่าว ก่อนที่จะทางคณะกรรมาธิการฯ จะพิจารณาให้การรับรองการแต่งตั้งนายพาวเวลเป็นประธานเฟดสมัยที่ 2  อย่างไรก็ดี แม้ผ่านการรับรองจากคณะกรรมาธิการฯ นายพาวเวลก็ยังจำเป็นต้องผ่านการพิจารณาจากวุฒิสภาทั้งคณะ โดยเขาจะต้องได้รับการรับรองจากเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภา

- Advertisement -

Comments
Loading...