GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 12 ต.ค.64 by YLG

303

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

ราคาอยู่ในช่วงการพักฐาน โดยเน้นการซื้อขายทำกำไรระยะสั้น หากราคาไม่สามารถยืนเหนือโซนแนวต้านบริเวณ 1,766-1,771 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ จะทำให้ราคายังคงมีโอกาสขยับลงทดสอบแนวรับบริเวณ 1,747-1,735 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,747 1,735 1,721  แนวต้าน : 1,771 1,787 1,808

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง  3.03  ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยตลอดทั้งวัน  ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบจากระดับต่ำสุดถึงระดับสูงสุดเพียง 10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายในช่วงตลาดสหรัฐที่เบาบางกว่าปกติเนื่องจากภาคธนาคารของสหรัฐปิดทำการเนื่องในวัน Columbus Day  ทั้งนี้  ราคาทองคำดีดตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,760.92 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างวันจากแรงซื้อ Buy the Dip ของนักลงทุน  แต่แรงขายทำกำไรยังคงสกัดช่วงบวกราคาทองคำเอาไว้เช่นกัน  นอกจากนี้  ราคาทองคำยังคงได้รับแรงกดดันจากการดัชนีดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น 0.24% แตะที่ 94.361 เมื่อคืนนี้  เนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะประกาศแผนลดการซื้อสินทรัพย์ในเดือนหน้า แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐจะชะลอตัวลงก็ตาม ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปียังคงเคลื่อนไหวเหนือระดับ 1.6% ต่อเนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี  ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย  ในขณะที่ราคาทองคำในประเทศมีแนวโน้มได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินบาทหลังจากวานนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ “เปิดรับท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัว”  เริ่มต้น1 พ.ย. นี้  ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ3 สัปดาห์ที่ 33.50 บาทต่อดอลลาร์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจขนาดเล็กจาก NFIB และจํานวนตําแหน่งงานว่างเปิดใหม่รวมถึงถ้อยแถลงของนายคลาริดา รองประธานเฟด และนายบอสติก ประธานเฟดแอตแลนตา

จจัยทางเทคนิค :

วานนี้ราคาอ่อนตัวลงสร้างระดับต่ำสุดใหม่จากวันก่อนหน้า หากวันนี้ราคาทองคำพยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้านในโซน  1,766-1,771 ดอลลาร์ต่อออนซ์แต่หากยืนไม่ได้ อาจทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับโซน1,747 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวรับถัดไปอยู่ในบริเวณ 1,735 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

ราคาทองคำมีจุดเปิดสถานะขายระยะสั้นบริเวณ 1,766-1,771ดอลลาร์ต่อออนซ์  (ตัดขาดทุนหากยืน1,787 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้) เมื่อราคาอ่อนตัวลงให้พิจารณาบริเวณ 1,747 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นจุดปิดสถานะขายทำกำไรแต่หากหลุดโซนดังกล่าวแนะนำให้ชะลอการปิดสถานะขายไปโซนแนวรับถัดไป

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 250.19 จุด วิตกน้ำมันพุ่งฉุดผลประกอบการดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทเอกชนและการใช้จ่ายของผู้บริโภค นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน เชส  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,496.06 จุด ลดลง 250.19 ขุด หรือ -0.72% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,361.19 จุด ลดลง 30.15 จุด หรือ -0.69% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,486.20 จุด ลดลง 93.34 จุด หรือ -0.64%
  • (+) ล้มเหลว! อินเดีย-จีน ไม่สามารถเจรจาลดความตึงเครียดแถบชายแดนได้ดังหวัง ความพยายามระหว่างกองทัพอินเดียและจีน ที่จะเจรจาเพื่อลดความตึงเครียดที่บริเวณชายแดนที่กองทหารของสองประเทศมีการเผชิญหน้ากันอยู่ ประสบความล้มเหลวในการหาข้อยุติข้อขัดแย้งที่ดำเนินมานาน 17 เดือนและทำให้เกิดการสูญเสียจากทั้งสองได้  คำยืนยันจากกองทัพของทั้งสองประเทศว่า ความพยายามเจรจาระหว่างทั้งคู่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ที่มีออกมาในวันจันทร์หมายความว่า ทั้งคู่ยังจะต้องตรึงกำลังทหารไว้ที่แถบพรมแดนในภูมิภาคลาดัก ของอินเดียในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงอีกครั้ง  กองทัพอินเดียออกแถลงการณ์ที่ระบุว่า ทางตนได้เสนอ ‘ข้อแนะนำในเชิงสร้างสรรค์’ ไป แต่ทางจีน “ไม่ยอมตกลง” และ ไม่ได้ยื่นข้อเสนอที่จะนำพาทุกอย่างไปสู่สภาพการณ์ที่ดีขึ้นในอนาคตได้ ขณะที่ โฆษกกองทัพจีน ระบุในแถลงการณ์ของฝ่ายตนว่า “ทางอินเดียยังคงยึดติดอยู่กับข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผลและเป็นไปไม่ได้ จนทำให้การเจรจามีปัญหา”  ผู้บัญชาการเหล่าทัพของทั้งสองประเทศเข้าร่วมการเจรจาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่บริเวณมอลโด (Mold) ซึ่งอยู่ในการควบคุมของจีน ในภูมิภาคลาดัก ของอินเดีย
  • (-) “เมอร์ค” ยื่นขอ FDA อนุมัติใช้ยาโมลนูพิราเวียร์เป็นกรณีฉุกเฉินในสหรัฐเมอร์ค แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ได้ยื่นขออนุมัติใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) ซึ่งเป็นยาเม็ดสำหรับรักษาโรคโควิด-19 เป็นกรณีฉุกเฉินจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ  หากได้รับอนุมัติ ยาโมลนูพิราเวียร์ ซึ่งเมอร์คพัฒนาขึ้นร่วมกับบริษัทริดจ์แบ็ค ไบโอเทราพิวติกส์นั้น จะเป็นยาชนิดรับประทานตัวแรกที่ใช้ต้านไวรัสโควิด-19
  • (-) แอสตร้าเซนเนก้าเผยผลการทดลองยารักษาโควิดขั้นสุดท้ายได้ผลน่าพอใจบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าเปิดเผยผลการศึกษาทดลองขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับประสิทธิภาพของยาแอนติบอดีแบบผสมหรือแอนติบอดีค็อกเทล (Antibody cocktail) สำหรับรักษาโควิด-19 ของบริษัทว่า ประสบความสำเร็จในการลดอาการป่วยที่รุนแรง รวมถึงการเสียชีวิตในกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษาในโรงพยาบาลยาดังกล่าวมีชื่อว่า AZD7442 ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่อาการป่วยจากโควิด-19 จะถึงขั้นรุนแรงหรือเสียชีวิตลงได้ถึง 50% ในผู้ป่วยที่แสดงอาการมาไม่เกิน 7 วัน ซึ่งตรงตามเป้าหมายหลักของการทดลอง
  • (-)ดอลล์แข็งค่า รับคาดการณ์เฟดลด QE แม้จ้างงานซบเซาดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบสกุลเงินหลัก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) ขานรับกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศลดวงเงินในโครงการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนหน้า แม้ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาดก็ตาม  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.26% แตะที่ 94.3165 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.32 เยน จากระดับ 112.19 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9272 ฟรังก์ จากระดับ 0.9264 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2479 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2459 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1560 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1576 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3609 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3620 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7353 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7312 ดอลลาร์
  • (-) นายกฯ สั่งเปิดรับนักท่องเที่ยวไม่ต้องกักตัวเริ่ม 1 พ.ย.-เปิดผับบาร์ 1 ธ.ค.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ “เปิดรับท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัว” โดยระบุว่า ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศที่เป็นนักท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย ต่างค่อยๆ เริ่มอนุญาตให้ประชาชนเดินทางได้โดยไม่มีเงื่อนไขที่ยุ่งยากมากมาย อย่างเช่น อังกฤษ เพิ่งอนุญาตให้ประชาชนเดินทางมาประเทศไทยได้โดยไม่ยุ่งยาก หรืออย่าง สิงคโปร์ และออสเตรเลียเริ่มผ่อนคลายเงื่อนไข ในการเดินทางไปต่างประเทศของประชาชน

- Advertisement -

Comments
Loading...