GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 11 มี.ค.65 by YLG

781

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

เน้นเก็งกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว หากราคาขยับขึ้นควรแบ่งทองคำขายทำกำไรหากราคาไม่ผ่านโซน 2,009-2,018 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เข้าซื้อคืนหากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณ 1,970-1,953  ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,970 1,953 1,936  แนวต้าน : 2,018 2,034 2,051

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.56ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงเช้าของตลาดเอเชีย ราคาทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,970.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความหวังว่าสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนใกล้จะคลี่คลาย ก่อนที่จะเริ่มมีแรงซื้อ Buy the Dip เข้ามาพยุงราคาไว้และปรับตัวขึ้นแรงในทันทีที่สื่อรายงานว่าการเจรจาระหว่างนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย และนายดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศยูเครน “ไม่มีความคืบหน้า” โดยทั้งสองฝ่ายประสบความล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว สถานการณ์ดังกล่าวกลับมากระตุ้นแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากสกุลเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1.112 หลังธนาคารกลางยุโรป(ECB)ประกาศคงดอกเบี้ย แต่เตรียมจะยุติโครงการเข้าซื้อสินทรัพย์ตามาตรการ APP ในไตรมาส 3ของปีนี้เพื่อเปิดทางสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปี 2022 เนื่องจากวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นมากกว่าความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดการรุกรานยูเครนของรัสเซีย นั่นทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 2,008.94 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่ราคาทองคำจะลดช่วงบวกลงโดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งเหนือ 2% ขานรับการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI)ที่พุ่งขึ้น 7.9% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 1982 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 7.8% นั่นทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมาปิดตลาดต่ำกว่า 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -1.75 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยคาดการณ์ความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก UoM

- Advertisement -

จจัยทางเทคนิค

หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 2,009- 2,018 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถ้ายังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมา อย่างไรก็ตามหากการอ่อนลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับอยู่ที่ 1,970-1,953 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินว่าราคาจะพยายามสร้างฐานราคาสะสมแรงซื้ออีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน

เปิดสถานะขายหากราคาทองคำดีดตัวขึ้นไม่สามารถยืนเหนือโซนแนวต้าน 2,009- 2,018 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากผ่าน 2,018 ดอลลาร์ต่อออนซ์)ปิดสถานะขายทำกำไรหากราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดบริเวณแนวรับ1,970-1,953ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน

  • (+) รมว.ตปท.ยูเครนยันไม่ยอมจำนนต่อรัสเซีย แต่พร้อมเจรจาต่อไปการประชุมระหว่างนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย และนายดมิโทร คูเลบา รมว.ต่างประเทศยูเครน ซึ่งจัดขึ้นที่ตุรกีในวันนี้ได้สิ้นสุดลงแล้วในขณะนี้ โดยทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงแต่อย่างใด  “เราได้หารือกันเกี่ยวกับการหยุดยิงเป็นเวลา 24 ชั่วโมง แต่ก็ไม่ประสบความคืบหน้าแต่อย่างใด โดยการเจรจาเป็นไปอย่างยากลำบาก” นายคูเลบากล่าวในการแถลงข่าว 
  • (+) เจรจาล่ม! รัสเซีย-ยูเครนไม่บรรลุข้อตกลงหยุดยิงการประชุมระหว่างนายดมิโทร คูเลบา รมว.ต่างประเทศยูเครน และนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งจัดขึ้นที่ตุรกีในวันนี้ได้สิ้นสุดลงแล้วในขณะนี้ โดยทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงแต่อย่างใด
  • (+) “ปูติน” เตือนตะวันตกเจ็บตัวเอง หลังออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวในวันนี้ว่า การที่ชาติตะวันตกออกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียจะส่งผลกระทบย้อนกลับไปสู่ชาติตะวันตกเอง โดยจะทำให้ราคาอาหารและพลังงานพุ่งขึ้น  ปธน.ปูตินยังระบุว่า “รัสเซียเริ่มได้รับผลกระทบบ้างจากมาตรการคว่ำบาตร แต่เราเคยผ่านพ้นสิ่งเหล่านี้มาแล้ว ซึ่งครั้งนี้เราจะผ่านไปได้ และท้ายที่สุด สิ่งนี้จะทำให้เราแข็งแกร่งมากขึ้น มีอิสระมากขึ้น พึ่งพาตนเองได้มากขึ้น และมีอธิปไตยมากขึ้น” นอกจากนี้ ปธน.ปูตินกล่าวว่า รัสเซียไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากการใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารต่อยูเครน และรัสเซียจะไม่นำอธิปไตยของชาติไปแลกกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในระยะสั้น
  • (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 112.18 จุด กังวลเงินเฟ้อ,เจรจารัสเซีย-ยูเครนล้มเหลวดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (10 มี.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี รวมทั้งรายงานที่ว่าการเจรจาหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครนประสบความล้มเหลว  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,174.07 จุด ลดลง 112.18 จุด หรือ -0.34%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,259.52 จุด ลดลง 18.36 จุด หรือ -0.43% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,129.96 จุด ลดลง 125.58 จุด หรือ -0.95%
  • (+) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้วกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น11,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 227,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 217,000 ราย 
  • (-) ดอลล์แข็งค่า หลังเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปีดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อทียบกับสกุลหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (10 มี.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี นอกจากนี้ นักลงทุนยังแห่ซื้อดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย หลังมีรายงานว่าการเจรจาหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครนประสบความล้มเหลว  ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.55% แตะที่ 98.5080  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 116.09 เยน จากระดับ 115.83 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9301 ฟรังก์ จากระดับ 0.9262 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2759 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2825 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0991 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1082 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3099 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3182 ดอลลาร์ จากระดับ
  • (+/-) สหรัฐเผยดัชนี CPI พุ่ง 7.9% สูงกว่าคาดการณ์ ทำนิวไฮ 40 ปีกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.9% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2525 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.8%  นอกจากนี้ ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.7%  ขณะเดียวกัน ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 6.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2525 สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์  เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐานดีดตัวขึ้น 0.5% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
  • (+/-) ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ย ส่งสัญญาณยุติ QE เร็วกว่าคาดธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันนี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ในยูเครน  นอกจากนี้ ECB ส่งสัญญาณยุติการซื้อพันธบัตรในไตรมาส 3 ซึ่งเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ โดยจะปูทางสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังจากพุ่งขึ้น 5.8% ในเดือนก.พ. สูงกว่าเป้าหมายของ ECB ที่ระดับ 2%  ทั้งนี้ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%  ขณะเดียวกัน ECB ระบุว่า ทางธนาคารจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) วงเงิน 1.85 ล้านล้านยูโรในสิ้นเดือนนี้  นอกจากนี้ ECB จะลดการซื้อพันธบัตรภายใต้โครงการ Asset Purchase Programme (APP) สู่ระดับ 4 หมื่นล้านยูโรในเดือนเม.ย., 3 หมื่นล้านยูโรในเดือนพ.ค. และ 2 หมื่นล้านยูโรในเดือนมิ.ย. ส่วนการซื้อพันธบัตรหลังจากนั้นจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่ ECB ได้รับ

- Advertisement -

Comments
Loading...