GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 11 พ.ย.64 by YLG

244

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,840-1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดสถานะซื้อ(ตัดขาดทุนหากหลุด 1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์) หากราคาปรับตัวขึ้นไม่ผ่านบริเวณ 1,862-1,868 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจพิจารณาการปิดสถานะซื้อแต่หากผ่านได้สามารถถือสถานะซื้อต่อ

แนวรับ : 1,833 1,818 1,804  แนวต้าน : 1,868 1,883 1,898

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวานนี้ปิดทะยานขึ้น 17.40ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ  หลังจากวานนี้สหรัฐเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.1990สถานการณ์ดังกล่าวหนุนความคาดหวังเงินเฟ้อในอีก 5 ปี(5year breakeven inflation rate) ให้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 3.113% ส่วนความคาดหวังเงินเฟ้อในอีก 10 ปี (10year breakeven inflation rate) เพิ่มขึ้นแตะระดับ 2.72% ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2006จนกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ Treasury Inflation Protected Securities (TIPS) อายุ 10 ปีและอายุ 30 ปีดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ใม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย  นั่นทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นทะลุผ่านแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นระดับสูงสุดของเดือน  ก.ค.,ส.ค.และก.ย.จนกระตุ้นแรงซื้อตามทางเทคนิค(Buy stop และ Short covering) และเป็นที่มาสำคัญที่หนุนให้ราคาทองคำทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วจนทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,868.16 ดอลลาร์ต่อออนซ์  อย่างไรก็ดี  ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อาจเร่งการปรับลดวงเงินQE และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด  ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันให้เกิดแรงขายทำกำไรสลับออกมา  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ภาคธนาคารรวมถึงตลาดพันธบัตรของสหรัฐจะปิดทำการเนื่องในวันทหารผ่านศึก  (Veterans Day) แต่ตลาดทุนตลาดเงินและตลาดทองคำนิวยอร์กยังคงเปิดทำการตามปกติ

- Advertisement -

จจัยทางเทคนิค :

หลังจากราคาดีดตัวขึ้นแรงอาจเกิดแรงขายทำกำไรสลับเข้ามาบ้าง แต่หากการอ่อนตัวลงไม่มากหรือราคาพยายามยืนเหนือโซนแนวรับ 1,840-1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ทำให้ราคายังคงมีโอกาสขยับขึ้นเพื่อทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,862-1,868 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง หากทะลุไปได้ แนวต้านถัดไปจะอยู่ในโซน 1,883 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

แนะนำเปิดสถานะซื้อหากราคาย่อตัวลงไม่หลุดแนวรับ 1,840-1,833ดอลลาร์ต่อออนซ์(ตัดขาดทุนหากหลุด 1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ทยอยปิดสถานะซื้อทำกำไรหากราคาดีดตัวขึ้นไปไม่ผ่านแนวต้าน 1,862-1,868ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านได้สามารถถือต่อเพื่อรอปิดในโซน 1,883 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 240.04 จุด กังวลเงินเฟ้อพุ่งหนุนเฟดขึ้นดบ.ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (10 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งสูงสุดในรอบกว่า 30 ปีอาจเป็นปัจจัยผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,079.94 จุด ลดลง 240.04 จุด หรือ -0.66%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,646.71 จุด ลดลง 38.54 จุด หรือ -0.82% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,622.71 จุด ลดลง 263.84 จุด หรือ -1.66%
  • (+) สหรัฐเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนก.ย.กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนส.ค.  เมื่อเทียบรายปี สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งพุ่งขึ้น 13.1% ในเดือนก.ย.
  • (+) ประธานเฟดซานฟรานฯคาดเงินเฟ้อชะลอตัว หากโควิดคลี่คลายนางแมรี ดาลี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า เงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงในขณะนี้จะชะลอตัวลงทันทีที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 บรรเทาลง  นอกจากนี้ นางดาลีระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือการเร่งปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในขณะนี้ ถือเป็นการดำเนินการที่เร็วเกินไป  “ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น ทำให้เราต้องรอและเฝ้าดูด้วยความอดทน” นางดาลีกล่าว
  • (+) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดโควิดกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง4,000 ราย สู่ระดับ 267,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ จากระดับ 271,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้  อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 265,000 ราย แต่ปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน
  • (-) ดอลล์แข็งค่า รับคาดการณ์เฟดขึ้นดบ.หลังเงินเฟ้อพุ่ง  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า การพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.94% แตะที่ 94.8460 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.80 เยน จากระดับ 112.83 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9179 ฟรังก์ จากระดับ 0.9104 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2496 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2437 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1483 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1593 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3414 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3561 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7332 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7378 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (+/-) สหรัฐเผยเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดรอบกว่า 30 ปีในเดือนต.ค. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2533 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.9% จากระดับ 5.4% ในเดือนก.ย.  นอกจากนี้ ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.6% จากระดับ 0.4% ในเดือนก.ย.  ขณะเดียวกัน ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% จากระดับ 0.2% ในเดือนก.ย. และพุ่งขึ้น 6.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2533 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.0% จากระดับ 4.0% ในเดือนก.ย.

- Advertisement -

Comments
Loading...