GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 11 ก.พ.65 by HGF

291

- Advertisement -

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

ดัชนี CPI พุ่งขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2525

คืนนี้สหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.

แนวโน้มราคาทองคำคาดปรับตัวลงสู่แนวรับ 1,820 ดอลลาร์   

  • ราคาทองคำ Spot เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้น ภายหลังจากการเปิดเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงพุ่งขึ้นในระดับสูง โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 7.5% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้มาก และนับว่าเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2525 ส่งผลให้เป็นแรงหนุนต่อการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ถือครองทองคำเท่าเดิมจากเมื่อวาน
  • คืนนี้สหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.ของม.มิชิแกน (เบื้องต้น) ตลาดคาดว่าจะเทรงตัวที่ระดับ 67.2
  • แนวโน้มราคาทองคำคาดปรับตัวลงสู่แนวรับ 1,820 ดอลลาร์    โดยราคาทองคำมีแนวรับ 1,820 ดอลลาร์ และแนวรับถัดไปที่ 1,810 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,840 ดอลลาร์ และ 1,850 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,826.49-6.511,820/1,8101,840/1,850

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,35028,200/28,10028,600/28,800

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,370-5028,340/28,22028,670/28,800

- Advertisement -

แนะนำเข้าซื้อราคาทอง Spot ที่ 1,810 ดอลลาร์ (GF 28,220 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,800 ดอลลาร์ (GF 28,100บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,831.00-3.001,822/1,8121,842/1,852

แนะนำเข้าซื้อราคา GOH22 ที่ 1,812 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,802 ดอลลาร์

ค่าเงิน

ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องมากสุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง ซึ่งค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วมาจากกระแสเงินทุนไหลเข้าในตลาดพันธบัตร ทั้งนี้ระยะสั้นแนวโน้มค่าเงินบาทแข็งค่าได้ต่อ  สำหรับ USD Futures เดือนมี.ค.65 มีแนวรับที่ 32.50 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 33 บาท/ดอลลาร์

News

สหรัฐจ่อฉีดไฟเซอร์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี 21 ก.พ.นี้ รอ FDA ไฟเขียว

          สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานข้อมูลในเอกสารจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐ ซึ่งระบุว่า หากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์และไบออนเทค เอสอี ให้กับเด็กอายุ 6 เดือนถึง 4 ปี รัฐบาลสหรัฐก็จะทำการแจกจ่ายวัคซีนเบื้องต้นจำนวน 10 ล้านโดสไปยังรัฐและหน่วยงานต่าง ๆ ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.นี้  ไฟเซอร์และไบออนเทคระบุว่า ได้ส่งข้อมูลประกอบการอนุมัติตามคำขอของ FDA เนื่องจากมีความจำเป็นเร่งด่วนด้านสาธารณสุขสำหรับกลุ่มเด็กวัยดังกล่าว แม้ผลการทดลองกับเด็กกลุ่มอายุ 2-4 ปีก่อนหน้านี้พบว่า ได้ระดับภูมิคุ้มกันต่ำกว่าที่คาดก็ตาม  ทั้งนี้ FDA เตรียมประชุมทางไกลกับกลุ่มที่ปรึกษาในวันที่ 15 ก.พ.นี้ เพื่อหารือว่า ควรอนุมัติการใช้วัคซีนดังกล่าวในกรณีฉุกเฉินกับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีหรือไม่ ซึ่งเป็นกลุ่มอายุเดียวที่ยังไม่ได้รับวัคซีน    ด้าน CDC ระบุว่า ในสหรัฐมีเด็กอายุ 6 เดือนถึง 4 ปีอยู่ราว 18 ล้านคน และจะมีการเพิ่มปริมาณวัคซีนจาก 10 ล้านโดสแรก   หาก FDA อนุมัติ พื้นที่ซึ่งมีเด็กกลุ่มเสี่ยงสูงที่จะเจ็บป่วยรุนแรงจากโรคโควิด-19 นั้น จะได้รับวัคซีนล็อตแรกก่อนโดยจะเริ่มแจกจ่ายในวันที่ 21 ก.พ.นี้

“โกลด์แมน แซคส์” คาดบอนด์ยีลด์สหรัฐดีดแตะ 2.25% ปลายปีนี้

          โกลด์แมน แซคส์ประกาศปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี สู่ระดับ 2.25% ภายในปลายปีนี้ และจะแตะระดับ 2.45% ในปลายปี 2566   ก่อนหน้านี้ โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี แตะระดับ 2.00% ภายในปลายปีนี้ และจะแตะระดับ 2.30% ในปลายปี 2566     พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่าง ๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

ประธานเฟดแอตแลนตาคาดเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งปีนี้

          นายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขาเห็นว่าการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยปรับขึ้นครั้งละ 0.25% ถือว่ามีความเหมาะสม แต่เขาก็คาดว่าเฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้ง    “เราคงต้องดูว่าเศรษฐกิจจะมีการตอบสนองอย่างไรหลังเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก ซึ่งอาจเกิดขึ้นในเดือนมี.ค.” นายบอสติกกล่าวต่อสำนักข่าว CNBC   นอกจากนี้ นายบอสนิกกล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อในเศรษฐกิจสหรัฐอาจกำลังเริ่มชะลอตัวลง     “ผมมีความหวังว่าเราจะเริ่มเห็นเงินเฟ้อปรับตัวลง โดยมีหลักฐานบางอย่างบ่งชี้เรื่องนี้” เขากล่าว               นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาเชื่อว่าเฟดยังคงสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ย “ได้อีกมาก” โดยไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน     FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 35% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 14%     ทางด้านแบงก์ ออฟ อเมริกาออกรายงานคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 7 ครั้งในปีนี้ โดยปรับขึ้นครั้งละ 0.25%      หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่แบงก์ ออฟ อเมริกาคาดการณ์ หมายความว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมทั้ง 7 ครั้งที่เหลือในปีนี้ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมี.ค.    การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 7 ครั้งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดพุ่งแตะ 1.75-2.00% ในปลายปีนี้ จากปัจจุบันที่ระดับ 0.00-0.25%     นอกจากนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกายังคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 จนแตะระดับ 2.75-3.00% ก่อนที่จะมีการทบทวนนโยบายการเงิน

- Advertisement -

Comments
Loading...