GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 10 ม.ค.65 by YLG

264

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

เน้นเก็งกำไรในกรอบจากการแกว่งตัว หากราคายังไม่ผ่านโซน 1,800-1,807 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำเปิดสถานะขายในบริเวณดังกล่าว (ตัดขาดทุนหากราคาผ่าน1,821 ดอลลาร์ต่อออนซ์)เข้าซื้อคืนเพื่อทำกำไรหากไม่หลุดแนวรับ1,778-1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,776 1,764 1,751  แนวต้าน : 1,807 1,821 1,834

จจัยพื้นฐาน

- Advertisement -

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.22ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระหว่างวันราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบจำกัดก่อนการเปิดเผยตัวเลขในตลาดแรงงานของสหรัฐ  ทั้งนี้  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า  อัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2020 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 4.1%  ส่วนค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 4.7% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้  ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่าตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องและอาจใกล้ระดับการจ้างงานเต็มประสิทธิภาพซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)  ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับลดงบดุลในปีนี้ นั่นทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่มกราคม 2020 ที่ 1.801% ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยให้อ่อนตัวลงทดสอบระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์บริเวณ1,782.52 ดอลลาร์ต่อออนซ์  อย่างไรก็ดี  การอ่อนตัวลงของราคาทองคำเป็นไปอย่างจำกัด  ส่วนหนึ่งเนื่องจากราคาทองคำอยู่ภาวะขายมากเกินไป  ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 199,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 422,000 ตำแหน่ง  นั่นทำให้ดัชนีดอลลาร์ขยับอ่อนค่าลง 0.61% และเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้เกิดแรงซื้อเข้ามาพยุงราคาทองคำเอาไว้อีกทางหนึ่งด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง  -1.74 ตัน  สำหรับวันนี้  ติดตามการเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งของสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค :

หากราคายังไม่สามารถขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1,800-1,807 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจเห็นการย่อตัวของราคาลงเพื่อสร้างฐานราคาซึ่งหากราคาพยายามทรงตัว หรือ หากราคายืนเหนือโซนแนวรับ1,778-1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อาจทำให้เห็นการดีดตัวขึ้นเพื่อพยายามทดสอบแนวต้านอีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน :

ดูบริเวณ 1,800-1,807 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านได้แนะนำเปิดสถานะขายทำกำไรระยะสั้น เพื่อรอเข้าซื้อทำกำไรเมื่อราคาอ่อนลงหรือไม่หลุดบริเวณแนวรับ 1,778-1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาผ่านแนวต้านแรกได้ให้รอดูบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,821ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) อิหร่านขึ้นบัญชีดำชาวมะกันอีก 51 คน ฐานมีส่วนลอบสังหาร “โซเลมานี”กระทรวงต่างประเทศของอิหร่านได้ขึ้นบัญชีดำชาวอเมริกันเพิ่มอีก 51 คนเมื่อวานนี้ (8 ม.ค.) ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารนายพลกัสซิม โซเลมานี อดีตผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของอิหร่านแถลงการณ์ของกระทรวงฯ ระบุว่า การขึ้นบัญชีดำรอบใหม่เป็นการคว่ำบาตรชาวอเมริกัน ซึ่งได้แก่ พลเอกมาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม และนายโรเบิร์ต โอไบรอัน อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ โดยเป็นไปตามกฎหมายของอิหร่านว่าด้วยการต่อสู้การละเมิดสิทธิมนุษยชน การกระทำที่เสี่ยงและเข้าข่ายการก่อการร้ายของสหรัฐในภูมิภาค
  • รัสเซียออกมาตอบโต้สหรัฐอย่างดุเดือด หลังจากนายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ แสดงความเห็นว่า คาซัคสถานอาจต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในการขจัดกองกำลังรัสเซียออกจากประเทศ  พร้อมทั้งระบุว่า นายบลิงเกนควรหันไปทบทวนเรื่องที่กองทัพสหรัฐเข้าแทรกแซงทั่วโลกต่างหากการตอบโต้ของรัสเซียเกิดขึ้นหลังจากที่นายบลิงเกนได้ตั้งคำถามถึงการอ้างเหตุผลของรัสเซียในการส่งทหารเข้าไปในคาซัคสถาน หลังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศไม่กี่วัน
  • นายมิเคลิส แฮดจิแพนเทลัส รัฐมนตรีสาธารณสุขของไซปรัส เปิดเผยถึงการพบไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ครั้งใหม่ ซึ่งมีชื่อว่า “เดลตาครอน” โดยยังไม่มีสัญญาณที่น่าวิตกกังวลในขณะนี้ทั้งนี้ ทีมวิจัยของศาสตราจารย์ลีออนดิโอส คอสทริคิส หัวหน้าศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวภาพและไวรัสวิทยาระดับโมเลกุล มหาวิทยาลัยไซปรัส เป็นผู้ค้นพบไวรัสกลายพันธุ์ดังกล่าวศาสตราจารย์คอสทริคิสให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า ไวรัสกลายพันธุ์มีลักษณะทางพันธุกรรมของไวรัสสายพันธุ์เดลตาและไวรัสโอมิครอนอีกบางส่วน จึงได้ชื่อว่า “เดลตาครอน”
  • ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (7 ม.ค.) หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่ต่ำกว่าคาดทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.61% แตะที่ 95.7275  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 115.56 เยน จากระดับ 115.93 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9185 ฟรังก์ จากระดับ 0.9223 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2633 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2728 ดอลลาร์แคนาดายูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1362 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1287 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3595 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3525 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าแตะที่ระดับ 0.7184 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7165 ดอลลาร์สหรัฐ
  • 4.81 จุด ผิดหวังตัวเลขจ้างงาน-วิตกดอกเบี้ยขาขึ้นดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (7 ม.ค.) และปรับตัวลงในสัปดาห์แรกของปีใหม่นี้ เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นออกมาท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐ และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน  ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,231.66 จุด ลดลง 4.81 จุด หรือ -0.013%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,677.03 จุด ลดลง 19.02 จุด หรือ -0.41% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,935.90 จุด ลดลง 144.96 จุด หรือ -0.96%
  • 1.77% เก็งเฟดขึ้นดบ.แม้จ้างงานต่ำคาดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปียังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดีดตัวเหนือระดับ 1.77% ขานรับอัตราว่างงานของสหรัฐต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย  ณ เวลา 23.07 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.774% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.123%
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 199,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 422,000 ตำแหน่ง  ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.9% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.1%  กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 249,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 210,000 ตำแหน่ง และปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนต.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 648,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 546,000 ตำแหน่ง   กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่าภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 211,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานลดลง 12,000 ตำแหน่ง  ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 4.7% เมื่อเทียบรายปี 

- Advertisement -

Comments
Loading...