GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 10 มิ.ย.64(ภาคเช้า) by YLG

343

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

เก็งกำไรระยะสั้นตามกรอบราคา เปิดสถานะซื้อหากราคาสามารถยืนเหนือ 1,873-1,869 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ให้ทยอยขายทำกำไรหากราคายังไม่ยืนเหนือโซน 1,898-1,903 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,869 1,857 1,843  แนวต้าน : 1,903 1,917 1,934

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง  4.30  ดอลลาร์ต่อออนซ์  ขณะที่ในระหว่างวันราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบ 1,898.64-1,886.90  ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยรวมแล้วราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1.50% แตะระดับต่ำสุดที่ 1.47%  และต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ย 100 วันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2020 ทั้งนี้  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้รับแรงกดดันส่วนหนึ่งมาจากดีมานด์ในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10  ปีมูลค่า 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อคืนนี้เป็นไปอย่างแข็งแกร่ง  สะท้อนจาก Bid coverage ratio ในการประมูลครั้งนี้อยู่ที่ 2.58 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในปีนี้  สถานการณ์ดังกล่าวหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยให้พุ่งขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดในระหว่างวัน  อย่างไรก็ดี  ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้  เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากดัชนีดอลลาร์ที่ยังคงเคลื่อนไหวทรงตัว  ขณะที่นักลงทุนในตลาดทองคำระมัดระวังการถือครองสถานะ  ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) รวมทั้งการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันนี้  ด้านกองทุน SPDR กลับมาถือครองทองเพิ่ม +5.83 ตันสู่ระดับ 1,043.16 ตัน  สำหรับวันนี้  จับตาผลการประชุม ECB คาดจะคงอัตราดอกเบี้ยและวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ภายใต้โครงการ PEPP ตามเดิม  แต่แนะนำติดตามการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับปี 2021 และ 2022  รวมถึงถ้อยแถลงของนางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB เพื่อหาสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต อีกทั้งต้องจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐซึ่งอาจส่งผลให้ราคาทองคำในคืนนี้เคลื่อนไหวผันผวนได้

จจัยทางเทคนิค :

ราคาทองคำยังไม่สามารถยืนเหนือ 1,917 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ส่งผลให้แรงซื้อยังคงถูกจำกัด สำหรับวันนี้ประเมินแนวต้านระยะสั้นในโซน 1,898-1,903 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านไปได้แนวต้านสำคัญจะอยู่ในบริเวณ 1,917 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับนั้นยังประเมินในโซน 1,873-1,869 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

การเข้าซื้อยังคงเน้นการเก็งกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว โดยเข้าซื้อเฉพาะเมื่อตลาดปรับตัวลงมาในบริเวณแนวรับ 1,873-1,869 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุน 1,869 ดอลลาร์ต่อออนซ์)ขณะที่การขายทำกำไรพิจารณาในโซน 1,898-1,903 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านได้ชะลอการขายออกไปที่แนวต้านถัดไป

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนเม.ย.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนมี.ค.  เมื่อเทียบรายปี สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งพุ่งขึ้น 5.2% ในเดือนเม.ย.
  • (+) บอนด์ยีลด์สหรัฐร่วงต่ำกว่า 1.50% ก่อนสหรัฐเผยตัวเลขเงินเฟ้อพรุ่งนี้  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1.50% ในวันนี้ และต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ย 100 วันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค.2563 แม้มีการคาดการณ์ว่าสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นในวันพรุ่งนี้
  • (+) สภาอียูอนุมัติใช้ ‘พาสปอร์ตวัคซีนโควิด’ แบบดิจิทัล  สภาสหภาพยุโรปรับรองขั้นสุดท้ายในวันพุธ ให้ใช้หนังสือเดินทางดิจิทัลเพื่อแสดงผลการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในรูปแบบของแอปพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน  หนังสือเดินทางวัคซีนโควิดแบบดิจิทัลนี้ จะช่วยให้พลเมืองในสหภาพยุโรปสามารถใช้ในการเดินทางผ่านพรมแดนประเทศในสหภาพยุโรปได้โดยไม่ต้องมีการกักตัวหรือต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อเพิ่ม  สภาสหภาพยุโรปรับรองกฎเกณฑ์ควบคุมการใช้หนังสือเดินทางดังกล่าวในการลงมติสองรอบที่เมืองสตราสบรูก ฝรั่งเศส โดยสมาชิกสภายังเห็นชอบให้นำมาใช้โดยไม่ต้องมีการกำหนดกฎเกณฑ์เพิ่มเติม
  • (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 152.68 จุดหลังหุ้นแบงก์ร่วง ตลาดจับตา CPI สหรัฐ  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมกลางเดือนนี้  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,447.14 จุด ลดลง 152.68 จุด หรือ -0.44% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,219.55 จุด ลดลง 7.71 จุด หรือ -0.18% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,911.75 จุด ลดลง 13.16 จุด หรือ -0.09%
  • (+) เตือนไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาลามเร็วทั่วโลก วัคซีนอาจเอาไม่อยู่  นายแพทย์จอห์น เอ็นเคนกาซอง ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของแอฟริกา เปิดเผยว่า เขามีความกังวลเป็นอย่างมากต่อการแพร่ระบาดไปทั่วโลกของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งมีการพบครั้งแรกในอินเดีย  ผลการศึกษาพบว่า แม้ว่าวัคซีนในปัจจุบันจะสามารถป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา แต่ก็มีประสิทธิภาพต่ำเมื่อเทียบกับการป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม  “ความรวดเร็วในการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์นี้เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก” นายแพทย์เอ็นเคนกาซองกล่าว โดยไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาสามารถแพร่ระบาดได้เร็วกว่าถึง 40-50% เมื่อเทียบกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อัลฟา ซึ่งมีการพบครั้งแรกในอังกฤษ  ขณะนี้ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตามีการแพร่ระบาดไปในดินแดนต่างๆทั่วโลกมากกว่า 62 ประเทศ
  • (-) ดอลล์แข็งค่าเล็กน้อย จับตาประชุม ECB-เงินเฟ้อสหรัฐ  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) รวมทั้งการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันนี้  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.05% แตะที่ 90.1206 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.57 เยน จากระดับ 109.48 เยน แต่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8958 ฟรังก์ จากระดับ 0.8963 ฟรังก์ และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2103 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2105 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2178 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2180 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.4114 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4164 ดอลลาร์
  • (-) อังกฤษติดโควิดรายวันสูงสุดรอบ 4 เดือน ดันยอดรวมทะลุ 4,535,000 ราย  กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษเปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 7,540 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในประเทศอยู่ที่ 4,535,754 ราย  ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 6 ราย สู่ระดับ 127,860 ราย
  • (-) ปธน.ไบเดน ยกเลิกคำสั่งทรัมป์ระงับบริการ TikTok-WeChat  ประธานาธิบดี โจ ไบเดน มีคำสั่งยกเลิกมาตรการระงับการดาวน์โหลดสื่อสังคมออนไลน์สัญชาติจีน ที่อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ริเริ่มไว้ พร้อมสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ทบทวนรายประเด็นความกังวลต่างๆ เกี่ยวกับแอปพลิเคชั่นเหล่านั้นด้วย ตามรายงานของ สำนักข่าว รอยเตอร์ เมื่อเดือนสิงหาคมของปีที่แล้ว รัฐบาลภายใต้การนำโดยอดีตปธน.ทรัมป์ พยายามสกัดกั้นไม่ให้มีการเพิ่มผู้ใช้งานแอป TikTok และ WeChat รวมทั้งสั่งห้ามการทำธุรกรรมด้านเทคนิคต่างๆ สำหรับสื่อสังคมออนไลน์สัญชาติจีนทั้งสอง ก่อนที่จะมีคำสั่งชุดใหม่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ให้ดำเนินการแบบเดียวกันกับแอปพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ด้านเทคโนโลยีการเงินและการสื่อสารอีก 8 แห่ง ซึ่งรวมถึง Alipay ของ Ant Group รวมทั้ง QQ Wallet และ WeChat pay ของ Tencent Holdings

- Advertisement -

Comments
Loading...