GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 1 พ.ย.64 by HGF

298

- Advertisement -

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบ

สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมเฟด การจ้างงานสหรัฐ

ราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหว Sideways down

  • สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำ Spot เคลื่อนไหวในกรอบ 1,782-1,810 ดอลลาร์  ทองคำมีปัจจัยบวกจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐเติบโตเพียง 2.0% ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเติบโต 2.8% และเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำที่สุดในรอบกว่า 1 ปี หลังจากที่ไตรมาส 2 เติบโต 6.7%และกองทุน SPDRGold Trust ซื้อทองคำ 4.07 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมาแต่มีปัจจัยลบจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐบางตัวแข็งแกร่ง ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค. และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.
  • สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ซึ่งติดตามว่าเฟดจะประกาศปรับลดวงเงินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือไม่ การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือนต.ค. ซึ่งคาดราคาทองคำจะผันผวนถ้าการจ้างงานสหรัฐออกมาแตกต่างจากที่ตลาดคาดไว้มาก ซึ่งตลาดคาดการจ้างงานภาคเอกชน ADP และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.จะเพิ่มขึ้น 400,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้น 397,000 ตำแหน่งตามลำดับ
  • แนวโน้มราคาทองคำ Spotระยะสั้นคาดจะเคลื่อนไหวSideways downเนื่องจากนักลงทุนรอดูผลการประชุมเฟดที่จะทราบผลในคืนวันพุธระยะสั้นทองคำมีแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์และ 1,810 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,780 ดอลลาร์และ 1,770 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,782.76-15.441,780/1,7701,800/1,810

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,150-5028,050/27,90028,250/28,400

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,380-10028,210/28,06028,440/28,600

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำทยอยขายทำกำไรการเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นแนะนำเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,770 ดอลลาร์ (GF 28,060บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,760 ดอลลาร์ (GF27,900 บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,800.00+0.801,782/1,7721,802/1,815

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำทยอยขายทำกำไรการเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นแนะนำเมื่อราคา GOZ21 ปรับลงมาที่ 1,772 ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,762 ดอลลาร์

- Advertisement -

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดจะแข็งค่าขึ้นทั้งนี้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเนื่องจากนักลงทุนปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐโดยดัชนีราคา PCE พื้นฐานเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 3.6% เมื่อเทียบรายปี โดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33-33.10บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน33.40บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลลาร์แข็งค่าหลังข้อมูลชี้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 ต.ค.) โดยนักลงทุนปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.82% แตะที่ 94.1169 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดร่วง $18.7 เหตุดอลลาร์แข็งค่าฉุดราคา

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 ต.ค.) โดยถูกกดดันจากการที่เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นซึ่งทำให้สัญญาทองคำที่กำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้นมีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 18.7 ดอลลาร์หรือ 1.04% ปิดที่ 1,783.9 ดอลลาร์/ออนซ์และปรับตัวลงราว 0.7% ในสัปดาห์นี้แต่เพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนต.ค.   สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 17.1 เซนต์หรือ 0.71% ปิดที่ 23.949 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดบวก 76 เซนต์รับคาดการณ์โอเปกพลัสยังลดการผลิต

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะยังคงลดการผลิตน้ำมันต่อไป ทั้งนี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 76 เซนต์หรือ 0.9% ปิดที่ 83.57 ดอลลาร์/บาร์เรลแต่ลดลง 0.2% ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6 เซนต์หรือ 0.1% ปิดที่ 84.38 ดอลลาร์/บาร์เรลแต่ลดลง 1.3% ในรอบสัปดาห์นี้

ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดบวก 89.08 จุดหุ้นไมโครซอฟท์บวกหนุนตลาด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นไมโครซอฟท์ซึ่งได้ช่วยชดเชยการร่วงลงของหุ้นแอมะซอนและหุ้นแอปเปิลหลังเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,819.56 จุดเพิ่มขึ้น 89.08 จุดหรือ +0.25%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,605.38 จุดเพิ่มขึ้น 8.96 จุดหรือ +0.19% และดัชนีNasdaq ปิดที่ 15,498.39 จุดเพิ่มขึ้น 50.27 จุดหรือ +0.33%

สภาผู้แทนฯสหรัฐเลื่อนโหวตร่างกม.โครงสร้างพื้นฐานเหตุสมาชิกคองเกรสยังเสียงแตก

นางแนนซีเพโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐประกาศเลื่อนการโหวตร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน1ล้านล้านดอลลาร์เนื่องจากสมาชิกสภาคองเกรสบางส่วนยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับร่างกฎหมายดังกล่าว  “เราขอแจ้งให้ทราบว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะเลื่อนการโหวตร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Bipartisan Infrastructure Framework – BIF) แต่ข่าวดีของเรื่องนี้ก็คือว่าเพื่อให้สมาชิกส่วนใหญ่มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้นในการแสดงเสียงสนับสนุนร่างกฎหมายนี้” นางเพโลซีกล่าวในจดหมายที่ส่งถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครตรายงานระบุว่าการตัดสินใจเลื่อนการโหวตร่างกฎหมายBIF เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่นางพรามิลาจายาปาลประธานกลุ่มส.ส.หัวก้าวหน้าในสภาคองเกรสของสหรัฐ (Congressional Progressive Caucus) กล่าวว่าแผนการใช้จ่ายด้านสวัสดิการมูลค่า1.75ล้านล้านดอลลาร์ที่ชื่อว่า “Build Back Better Framework” ซึ่งนำเสนอโดยประธานาธิบดีโจไบเดนนั้นยังไม่เพียงพอที่จะผลักดันให้ร่างกฎหมายBIF มีความคืบหน้าทั้งนี้ปธน.ไบเดนของสหรัฐเปิดเผยแผนการใช้จ่ายด้านสวัสดิการมูลค่า1.75ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ (28ต.ค.) โดยแผนการดังกล่าวครอบคลุมถึงการลงทุนในพลังงานสะอาดและการแก้ปัญหาโลกร้อนจำนวน5.55แสนล้านดอลลาร์, งบประมาณอุดหนุนการดูแลเด็กและการเรียนอนุบาลฟรีจำนวน4แสนล้านดอลลาร์, การลดหย่อนภาษีรายได้จากการทำงานและค่าลดหย่อนบุตรจำนวน2แสนล้านดอลลาร์และการลงทุนในการสร้างที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาจำนวน1.5แสนล้านดอลลาร์อย่างไรก็ดีแผนการใช้จ่ายล่าสุดนี้มีมูลค่าน้อยกว่าข้อเสนอเดิมของปธน.ไบเดนซึ่งอยู่ที่3.5ล้านล้านดอลลาร์  “ไม่มีใครได้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการรวมถึงผมด้วยแต่นั่นคือการประนีประนอม” ปธน.ไบเดนแถลงที่ทำเนียบขาวก่อนจะออกเดินทางไปร่วมการประชุมสุดยอดG20ในยุโรป

ญี่ปุ่นเล็งให้ประชาชนทั่วไปรับวัคซีนโควิดเข็มบูสเตอร์ได้ภายในปีหน้า

คณะกรรมการกระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นประกาศอนุมัติให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19เข็มที่3เพื่อกระตุ้นภูมิสำหรับประชาชนที่ได้รับวัคซีนเข็มที่2มาแล้วนานกว่า8เดือนทั้งนี้ทางกระทรวงฯคาดว่าจะสามารถเริ่มฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ให้กับประชาชนทั่วไปได้ภายในปีหน้าความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นหลังงานวิจัยจากหลายประเทศชี้ว่าแอนติบอดี้ที่ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อโควิด-19จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไปสำหรับทุกกลุ่มอายุโดยประสิทธิภาพของวัคซีนจะคงอยู่ได้ประมาณ6เดือนกระทรวงสาธารณสุขแรงงานและสวัสดิการของญี่ปุ่นจะประกาศการตัดสินใจอย่างเป็นทางการอีกครั้งในเดือนพ.ย.ว่าจะอนุญาตให้มีการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ได้หรือไม่สำหรับการฉีดวัคซีนเข็มที่3ขณะเดียวกันทางกระทรวงฯก็จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนสามารถเข้ารับวัคซีนได้ต่อไปแม้ว่าขณะนี้หลายประเทศจะฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิให้กับกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มความเสี่ยงสูงเท่านั้นแต่กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นก็คาดว่าจะมีการขยายกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ในอนาคตสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่าประชาชนญี่ปุ่นอายุ12ปีขึ้นไปสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคและวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นาได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายขณะที่วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าได้รับการอนุมัติให้ใช้ในกลุ่ม40ปีขึ้นไปเท่านั้น

ทูตสหรัฐย้ำพร้อมหนุนไต้หวันปกป้องตนเองขณะความสัมพันธ์กับจีนระอุ

นางแซนดราโอดเคิร์กผู้อำนวยการใหญ่ของสถาบันอเมริกาในไต้หวันเผยว่าสหรัฐมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือไต้หวันปกป้องตนเอง   “สหรัฐมุ่งมั่นที่จะช่วยให้ไต้หวันปกป้องตนเอง” นางโอดเคิร์กกล่าวว่าในระหว่างการแถลงข่าวหลังเข้ารับตำแหน่งเป็นครั้งแรกพร้อมระบุถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างสหรัฐกับไต้หวันเมื่อนักข่าวถามว่าสหรัฐจะปกป้องไต้หวันหากจีนโจมตีหรือไม่นางโอดเคิร์กตอบว่านโยบายของสหรัฐต่อไต้หวันมีความชัดเจนและยังคงไม่เปลี่ยนแปลงโดยอ้างกฎหมายหลายฉบับของสหรัฐที่กำหนดความสัมพันธ์ของสหรัฐกับไต้หวันการแถลงของผู้อำนวยการใหญ่ของสถาบันอเมริกาฯเกิดขึ้นในช่วงที่ความตึงเครียดระหว่างไต้หวันและจีนปะทุขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งนี้ตามหลักกฎหมายนั้นสหรัฐใช้นโยบาย “ความคลุมเครือทางยุทธศาสตร์” (strategic ambiguity) ที่มีมายาวนานนโยบายดังกล่าวไม่แสดงเจตนารมณ์ปกป้องไต้หวันอย่างโจ่งแจ้งโดยสหรัฐอาจให้ความช่วยเหลือแก่ไต้หวันด้วยวิธีการต่างๆเพื่อให้ไต้หวันปกป้องตนเองแต่กฎหมายไม่ได้ระบุชัดเจนว่าสหรัฐจะใช้วิธีการแทรกแซงทางทหารเพื่อปกป้องไต้หวันหรือไม่หากจีนโจมตีไต้หวันอย่างไรก็ดีสหรัฐไม่ได้สถาปนาความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับไต้หวันเช่นเดียวกับอีกหลายประเทศส่วนใหญ่แต่สหรัฐนั้นมีบทบาทเป็นผู้สนับสนุนที่สำคัญที่สุดของไต้หวันในเวทีโลกรวมถึงเป็นผู้สนับสนุนหลักในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์โดยเมื่อเร็วๆนี้ประธานาธิบดีโจไบเดนได้เน้นย้ำว่าสหรัฐพร้อมที่จะปกป้องไต้หวันซึ่งสร้างความไม่พอใจให้จีน

- Advertisement -

Comments
Loading...