GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 1 ก.พ.65 by YLG

300

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

ราคายังมีโอกาสที่จะทดสอบแนวต้าน 1,809-1,815ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านได้ให้แบ่งขายทำกำไร หรือ เปิดสถานะขายเพื่อรอซื้อคืนเมื่อราคาอาจอ่อนตัวลงอีกครั้งประเมินแนวรับที่ 1,780 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,780 1,766 1,753  แนวต้าน : 1,815 1,834 1,849

จจัยพื้นฐาน

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น1.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อ Buy the Dip ที่สลับเข้ามาหลังจากปรับตัวลงแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากดัชนีดอลลาร์ที่ปิดอ่อนค่าลง0.59% แตะที่96.65เมื่อคืนนี้ท่ามกลางขายทำกำไรหลังจากดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ1ปีครึ่งในระหว่างการซื้อขายของวันศุกร์ นอกจากนี้ นักลงทุนบางส่วน “ลด” การคาดการณ์การเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) หลังผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐอาทิ นายโธมัสบาร์กิ้นประธานเฟดริชมอนด์และนางแมรี่เดลีประธานเฟดฟรานซิสโก กล่าวสอดคล้องว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม แต่ยังคงแสดงความเห็นอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับเส้นทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากนั้นโดยระบุต่อว่าเส้นทางการดำเนินการในอนาคตนั้นจะขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจมีพัฒนาอย่างไร พร้อมส่งสัญญาณถึงความต้องการที่จะเปิดทางเลือกต่างๆเตรียมไว้หากเศรษฐกิจเผชิญกับความไม่แน่นอนของอัตราเงินเฟ้อและการระบาดของ COVID-19 ปัจจัยดังกล่าวกดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่าจนส่งผลหนุนทองคำ อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของทองคำยังคงเป็นไปอย่างจำกัดจากแนวโน้มการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด ประกอบกับตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นแรงนำโดยแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นโบอิ้ง ขณะที่ดัชนีPMIเขตชิคาโกปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 65.2 เป็นอีกปัจจัยที่สกัดช่วงบวกของราคาทองคำเอาไว้ ทำให้ราคาทองคำทำระดับสูงสุดได้เพียง 1,799.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่ม +3.49 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนี PMIภาคการผลิตจากมาร์กิตและ ISM, JOLTS Job Openings และค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้าง

จจัยทางเทคนิค :

ราคาขยับขึ้นแต่ก็มีแรงขายทำกำไรสลับออกมา หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,809-1,815ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไม่สามารถยืนได้ราคาอาจปรับตัวลงแนะนำจับตาแรงซื้อแรงขายอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามหากการอ่อนลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,780 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินว่าเป็นการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้อ

กลยุทธ์การลงทุน :

แนะนำเปิดสถานะขายทำกำไรหากราคาดีดตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ 1,809-1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาผ่านแนวต้านบริเวณ 1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์) และเข้าซื้อคืนเพื่อทำกำไรเมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลงและสามารถยืนเหนือโซน 1,780ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) เดนมาร์กเผยโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 แพร่เชื้อง่ายกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมผลการศึกษาจากเดนมาร์กพบว่า ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 ซึ่งกำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในเดนมาร์ก แพร่เชื้อได้ง่ายกว่าโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม หรือ BA.1 และทำให้ผู้ฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อได้ง่ายกว่าด้วยเช่นกัน  ผลการศึกษาในเดนมาร์กเปิดเผยว่า ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 แพร่เชื้อได้ง่ายกว่าโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิมถึง 33% โดยโอมิครอนสายพันธุ์ BA.2 ได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นสายพันธุ์หลักในเดนมาร์กไปแล้ว
  • (+) อังกฤษเตือนรัสเซียอย่ายุ่งยูเครน ย้ำพร้อมคว่ำบาตรบุคคล-ธุรกิจรัสเซียนายไซมอน คลาร์ก หัวหน้าเลขาธิการกระทรวงการคลังของอังกฤษเปิดเผยว่า อังกฤษจะคว่ำบาตรธุรกิจและบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย หากรัสเซียกระทำการใด ๆ กับยูเครน  นายคลาร์กกล่าวกับสำนักข่าวสกายนิวส์ว่า “เราชัดเจนแล้วว่า ถ้ารัสเซียกระทำการใด ๆ กับยูเครน เมื่อนั้นเราจะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อธุรกิจและบุคคลที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลรัสเซียที่สุด”  ทางด้านนางลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษกล่าวว่า รัฐบาลอังกฤษจะออกกฎหมายใหม่ในสัปดาห์นี้เพื่อขยายขอบเขตการคว่ำบาตรที่สามารถใช้กับรัสเซีย เพื่อยับยั้งท่าทีแข็งกร้าวต่อยูเครน
  • (+) โกลด์แมน แซคส์หั่นคาดการณ์ GDP สหรัฐปีนี้เหลือ 3.2% เหตุโอมิครอนกระทบโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐในปีนี้ ลงสู่ 3.2% จาก 3.8% เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงต้นปี เนื่องจากมาตรการสนับสนุนด้านการคลังลดลง และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ  โกลด์แมน แซคส์คาดว่า การขยายตัวของ GDP เมื่อเทียบเป็นรายปีจะอยู่ที่ 0.5% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบกับประมาณการณ์ครั้งก่อนที่ 2.0% ขณะที่การใช้จ่ายด้านการบริการที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดนั้นได้ลดลงอย่างรุนแรงนับตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค. แต่การฟื้นตัวจากผลกระทบของไวรัสโอมิครอนนั้นมีแนวโน้มที่จะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
  • (+) ดอลล์อ่อนค่า นลท.ขายทำกำไรหลังพุ่งสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (31 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อวันศุกร์ อันเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วขึ้นเพื่อสกัดกั้นอัตราเงินเฟ้อ  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.64% แตะที่ 96.65 เมื่อคืนนี้
  • (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 406.39 จุด รับแรงช้อนซื้อหุ้นเทคโนฯดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ (31 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นเน็ตฟลิกซ์และหุ้นเทสลาที่พุ่งขึ้นกว่า 10% หลังได้รับการปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนจากนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นโบอิ้ง ซึ่งเป็น 1 ใน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,131.86 จุด เพิ่มขึ้น 406.39 จุด หรือ +1.17%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,515.55 จุด เพิ่มขึ้น 83.70 จุด หรือ +1.89% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,239.88 จุด เพิ่มขึ้น 469.31 จุด หรือ +3.41%
  • (-) บิตคอยน์ส่งสัญญาณฟื้นตัวแกร่งหลังร่วงหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2563ราคาบิตคอยน์ร่วงลงในเดือนม.ค. 2565 รุนแรงที่สุด นับตั้งแต่เผชิญแรงขายอย่างหนักจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ระบาดในเดือนมี.ค. 2563 อย่างไรก็ตาม ราคาบิตคอยน์กำลังแสดงสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง  ทั้งนี้ บิตคอยน์ร่วงลงในเดือนม.ค. 2565 สู่ระดับน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของราคาที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์  อย่างไรก็ตาม หลังร่วงลงจากเหนือระดับ 47,000 ดอลลาร์ ลงต่ำกว่าระดับ 34,000 ดอลลาร์ในช่วง 3 สัปดาห์แรกของปีนี้ ราคาบิตคอยน์ก็ได้ดีดตัวขึ้นนับตั้งแต่นั้น โดยขึ้นมาอยู่เหนือระดับ 37,000 ดอลลาร์ 
  • (+/-) โพลชี้แนวโน้มราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นปีนี้ รับดีมานด์-ความตึงเครียดการเมืองเพิ่มสำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจในวันนี้ (31 ม.ค.) บ่งชี้ว่า ราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงด้านการเมืองจะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมัน และความต้องการใช้น้ำมันฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของโรคโควิด-19 ได้บรรเทาลง  ผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ 46 รายคาดว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) จะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 79.16 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ที่ระดับสูงสุดสำหรับปีนี้ และเพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับคาดการณ์ในเดือนธ.ค.ที่ 73.57 ดอลลาร์  ส่วนราคาน้ำมันดิบสหรัฐนั้นคาดว่าจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 76.23 ดอลลาร์ในปีนี้ เทียบกับระดับ 71.38 ดอลลาร์ที่คาดไว้ในเดือนที่แล้ว

- Advertisement -

Comments
Loading...