GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

วิเคราะห์ราคาทองคำ 4 ก.พ.64(ภาคเช้า) by YLG

396

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

เข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,821-1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ และทยอยปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไรบางส่วนเพื่อรอซื้อใหม่หากราคาไม่ผ่านแนวต้านบริเวณแนวรับ 1,850-1,856 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,818 1,800 1,787  แนวต้าน : 1,856 1,875 1,896

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 4.30  ดอลลาร์ต่อออนซ์  แม้ในระหว่างวันราคาทองคำจะพยายามดีดตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,844.85 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อ Buy the dip รวมถึงการดีดตัวในระยะสั้นของสกุลเงินยูโรหลังจากสื่อต่างประเทศรายงานว่านายมาริโอ้ ดรากี  อดีตประธานธนาคารกลางยุโรป(ECB) “ตอบรับคำขอ” ของนายเซอร์จิโอ แมตตาเรลลา ประธานาธิบดีอิตาลีให้เข้ามาช่วยจัดตั้งรัฐบาลเพื่อจัดการกับปัญหาการระบาดของไวรัส COVID-19 และภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงของอิตาลี  อย่างไรก็ดี  ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้  พร้อมกับมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา  นอกจากนี้ทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีเกินคาดทุกรายการ  ไม่ว่าจะเป็นการจ้างงานของภาคเอกชนจาก ADP ที่เพิ่มขึ้นเกินคาดถึง 174,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค.  ส่วนดัชนีภาคบริการของสหรัฐจาก ISM ก็ดีดตัวเกินคาดสู่ระดับ 58.7 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าในช่วงก่อนการระบาดของ COVID-19  รวมถึงดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้ายจากมาร์กิตก็ปรับตัวขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 58.3 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในรอบเกือบ 6 ปีเช่นกัน  สถานการณ์ดังกล่าวสกัดช่วงบวกของราคาทองคำเอาไว้  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  แต่โดยรวมแล้วนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน  กองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำลง -13.24 ตันซึ่งเป็นปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตามต่อไป  สำหรับวันนี้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ(บีโออี)  รวมถึงการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ประสิทธิภาพการผลิตต่อหน่วย, ประสิทธิภาพต้นทุนแรงงานต่อหน่วย และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค :

ระยะสั้นราคาเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,850-1,856 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร อย่างไรก็ตามหากการอ่อนลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,821-1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินว่ายังมีโอกาสดีดตัวขึ้นในระยะสั้นอีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน :

เน้นการลงทุนระยะสั้นโดยเปิดสถานะซื้อหากราคาอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับโซน 1,821-1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ อาจทยอยขายทำกำไรหากราคาปรับตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้าน 1,850-1,856 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมลดสถานะซื้อลงหากราคาหลุด 1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดอลล์อ่อนเทียบสกุลเงินหลัก จับตาแผนกระตุ้นศก.-จ้างงานนอกภาคเกษตร  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 ก.พ.) ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.04% สู่ระดับ 91.1618 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 105.05 เยน จากระดับ 105.08 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2780 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2805 ดอลลาร์แคนาดา แต่เมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.8993 ฟรังก์ จากระดับ 0.8986 ฟรังก์  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2025 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2020 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3642 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3653 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7621 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7590 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (-) “ไบเดน” เตรียมเปิดทำเนียบขาวหารือมาตรการกระตุ้นศก.กับเดโมแครตวันนี้  ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะพบปะกับสมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรคเดโมแครตที่ทำเนียบขาวในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ  ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนหวังที่จะผลักดันมาตรการดังกล่าวให้ผ่านการอนุมัติของสภาคองเกรส แม้เผชิญเสียงท้วงติงเกี่ยวกับวงเงินที่สูงถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์จากสมาชิกพรรครีพับลิกัน  ก่อนหน้านี้ ปธน.ไบเดนได้พบปะกับสมาชิกวุฒิสภาสังกัดพรรครีพับลิกันจำนวน 10 รายที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ โดยระบุว่า เขาต้องการเสียงสนับสนุนจากทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครตสำหรับการผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว ซึ่งรวมถึงเงินช่วยเหลือผู้ตกงานในสหรัฐ และงบสนับสนุนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ชาวอเมริกัน
  • (-) ดัชนี PMI ภาคบริการสหรัฐพุ่งแตะ 58.3 ในเดือนม.ค.  ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 58.3 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในรอบเกือบ 6 ปี จากระดับ 54.8 ในเดือนธ.ค.
  • (-) ISM เผยดัชนีภาคบริการสหรัฐพุ่งสูงสุดรอบเกือบ 2 ปีในเดือนม.ค.  สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 58.7 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2562 จากระดับ 57.7 ในเดือนธ.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 56.8  ขณะนี้ ดัชนีดีดตัวขึ้นเหนือระดับก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
  • (-) ADP เผยการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐสูงกว่าคาดในเดือนม.ค.  ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 174,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49,000 ตำแหน่ง
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 36.12 จุด รับผลประกอบการอัลฟาเบท-ตัวเลขจ้างงานสดใส  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ก.พ.) ขานรับประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทอัลฟาเบท รวมทั้งตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดการณ์ ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐ  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,723.60 จุด เพิ่มขึ้น 36.12 จุด หรือ +0.12% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,830.17 จุด เพิ่มขึ้น 3.86 จุด หรือ +0.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,610.54 จุด ลดลง 2.23 จุด หรือ -0.02%
  • (+/-) คาดจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่ม 50,000 ตำแหน่งในม.ค. หลังทรุดตัวในธ.ค.  นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าในวันศุกร์นี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. หลังจากทรุดตัวลงในเดือนธ.ค.

- Advertisement -

Comments
Loading...