วิเคราะห์ราคาทองคำ 30 เม.ย.63(ภาคเช้า) by YLG


โดย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
คำแนะนำ :
หากราคายังไม่ผ่านโซน 1,718-1,723 ดอลลาร์ต่อออนซ์ รอเปิดสถานะซื้อในบริเวณ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดให้รอพิจารณาซื้อแนวรับถัดไปโซน 1,685 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยเน้นการลงทุนระยะสั้นจากการแกว่งตัวในกรอบ
แนวรับ : 1,700 1,665 1,671 แนวต้าน : 1,723 1,736 1,747
ปัจจัยพื้นฐาน :
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.16 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากในระหว่างวันราคาแกว่งตัวแคบสลับกับอ่อนตัวลง แม้ว่าประมาณการครั้งแรก GDP ประจำQ1/2020 ของสหรัฐจะหดตัวลงเกินคาดถึง -4.8% และเป็นตัวเลขที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ Q4/2008 ก็ตาม โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากความหวังเกี่ยวกับยารักษา Covid-19 หลัง Gilead ระบุว่า การศึกษายา remdesivir ที่บริษัทดำเนินการร่วมกับสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติ นั้นมีผลการรักษาเป็นไปตามเป้าหมายในเบื้องต้น ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงจนลดทอนความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ดี ราคาทองคำจะฟื้นตัวขึ้นหลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)มีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% พร้อมกันนี้นายJerome Powell ประธานเฟด ยังได้ให้ค่ำมั่นว่าเฟดยังมี “อีกหลายแนวทาง” ในการสนับสนุนเศรษฐกิจ พร้อมยืนยันจะใช้ทุกเครื่องมือที่มีเพื่อผลักดันเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นโดยเร็ว แม้ Powell จะเตือนว่าข้อมูลเศรษฐกิจในช่วง Q2 จะ “ย่ำแย่อย่างมาก” ขณะที่การว่างงานพุ่งสู่ตัวเลข 2 หลัก แต่การส่งสัญญาณการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมช่วยกดดันสกุลเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่า จนหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นมาปิดตลาดในแดนบวกได้ในที่สุด ด้านกองทุน SPDR ถือทองเพิ่ม +8.19 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB) รวมถึงการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน, ดัชนี Core PCE,การใช้จ่ายส่วนบุคคล และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโก
ปัจจัยทางเทคนิค :
หากราคาทองคำไม่สามารถขึ้นยืนเหนือ 1,718-1,723 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคายังคงมีการแกว่งตัวในกรอบ ทำให้มีแนวโน้มอ่อนตัวลงสู่บริเวณ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากหลุดราคาหลุดแนวรับแรกมุมมองเชิงบวกจะลดลง โดยประเมินแนวรับถัดไปโซน 1,685 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน :
หากราคาไม่หลุด 1,700-1,685 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจรอเปิดสถานะซื้อในโซนดังกล่าว เพื่อหวังแบ่งขายทำกำไรหากราคาไม่สามารถกลับขึ้นยืนเหนือ 1,718-1,723 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,685 ดอลลาร์ต่อออนซ์) อย่างไรก็ตามการลงทุนควรเป็นในลักษณะเก็งกำไรระยะสั้น
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) “พาวเวล”ให้คำมั่นเฟดพร้อมใช้เครื่องมือทุกอย่างเพื่ออุ้มเศรษฐกิจพ้นภัยโควิด-19 นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในวันพุธตามเวลาสหรัฐ โดยกล่าวว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มที่จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐทรุดตัวลงอย่างหนักในไตรมาส 2 ปีนี้ ส่วนการที่เศรษฐกิจจะหดตัวลงมากเท่าใดและยาวนานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับว่าสหรัฐจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้รวดเร็วเพียงใด นายพาวเวลกล่าวว่า “ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐในขณะนี้มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับมาตรการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและสามารถต้านทานผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดในครั้งนี้ได้ โดยในส่วนของเฟดนั้น เฟดจะดำเนินการในทุกวิถีทางที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจของสหรัฐสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์โควิด-19 ได้” ในการแถลงข่าวครั้งนี้ นายพาวเวลได้ให้คำมั่นว่า เฟดจะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นโดยเร็ว เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจ และมีแนวโน้มที่จะฉุดรั้งการจ้างงาน กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ ให้ทรุดตัวลงอย่างหนักในระยะเวลาอันใกล้นี้
- (+) ดอลล์อ่อนเทียบสกุลเงินหลัก หลังเฟดตรึงดอกเบี้ยใกล้ 0% ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 เม.ย.) หลังจากที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% และยืนยันว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัว ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 106.59 เยน จากระดับ 106.85 เยน ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0870 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0835 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2450 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2433 ดอลลาร์
- (+) สหรัฐเผยโควิด-19 ฉุด GDP Q1/63 หดตัว 4.8% กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลง 4.8% ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะหดตัว 3.5% โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
- (+) สหรัฐเผยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายดิ่งลงจากผลกระทบโควิด สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ดิ่งลง 20.8% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน
- (-) Gilead เผยได้รับข่าวดีในการใช้ยา remdesivir รักษาผู้ป่วยโควิด บริษัท Gilead Sciences แถลงในวันนี้ว่า ทางบริษัทได้รับข้อมูลที่เป็นบวกในการใช้ยา remdesivir ซึ่งเป็นยาแอนตี้ไวรัสของบริษัท ในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 Gilead ระบุว่า ผลการศึกษาการใช้ยา remdesivir ซึ่งทางบริษัทดำเนินการร่วมกับสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติ มีผลการรักษาเป็นไปตามเป้าหมายในเบื้องต้น Gilead ยังเปิดเผยว่า ผู้ป่วยโรคโควิด-19 มีอาการดีขึ้น หลังได้รับยา remdesivir
- (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 532.31 จุด ขานรับถ้อยแถลง”พาวเวล”,ข่าวคืบหน้ายารักษาโควิด-19 ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 เม.ย.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้คำมั่นว่าเฟดจะใช้เครื่องมือทุกอย่างเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข่าวดีจากบริษัท Gilead Sciences ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับความคืบหน้าในการผลิตยารักษาโรคโควิด-19 ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,633.86 จุด พุ่งขึ้น 532.31 จุด หรือ +2.21% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,939.51 จุด เพิ่มขึ้น 76.12 จุด หรือ +2.66% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,914.71 จุด เพิ่มขึ้น 306.98 จุด หรือ+3.57%
- (+/-) เฟดคงดอกเบี้ยที่ 0.00-0.25% ตามคาด ยืนยันตรึงดอกเบี้ยจนกว่าเศรษฐกิจฟื้นตัว คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% ในวันนี้ และยืนยันว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว จนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้น และเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
