วิเคราะห์ราคาทองคำ 25 มี.ค.63 (ภาคบ่าย) by YLG


โดย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
แนวรับ : 1,585 1,545 1,523
แนวต้าน : 1,644 1,671 1,689
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน (เพิ่มเติมช่วงเย็น)
สรุป ราคาทองคำสปอตในลอนดอนต่ำกว่าราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐมาก ส่วนต่างที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นสัญญาณว่า ตลาดมีความวิตกว่า การจำกัดการเดินทางทางอากาศและการปิดโรงสกัดทองคำจะเป็นอุปสรรคต่อการส่งมอบทองคำทองคำจริงมายังสหรัฐเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายล้วงหน้า ท่ามกลางสภาพคล่อง หรือ ปริมาณทองคำแท่งที่ลดลง หลังผู้ผลิตรายใหญ่ในหลายประเทศระงับการดำเนินงานเนื่องจากผลกระทบของการระบาดไวรัส Covid-19 ดังนั้นเมื่อสภาพคล่องในตลาดทองคำตึงตัวมากขึ้น จึงกระตุ้นให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นตามหลักอุปสงค์-อุปทาน อย่างไรก็ดีความผันผวนของราคาเพิ่มสูงขึ้นตาม แม้ว่านักลงทุนกำลังมองหาแหล่งที่ปลอดภัยสำหรับพักเงิน แต่เมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้นค่อนข้างมาก และ มีการแกว่งตัวผันผวน จึงอาจยังไม่ดึงดูดให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำเพิ่มเติมในระยะสั้น ดังนั้นเมื่อราคาทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ก็มีแรงขายทำกำไรสลับออกมาเช่นกัน สำหรับการลงทุนยังคงเน้นการทำกำไรระยะสั้น โดยหาจังหวะในการเข้าซื้อ หากราคาอ่อนตัวลงและยืนได้อย่างแข็งแกร่งบริเวณ 1,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยแบ่งทองคำออกขายเมื่อราคาทองคำดีดตัวขึ้นและไม่สามารถยืนเหนือบริเวณแนวต้าน 1,630-1,644 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างมั่นคง แต่หากผ่านไปได้อาจชะลอการขายออกไป
ปัจจัยทางเทคนิค
แนวโน้ม Gold Spot: แม้ราคาทองคำในช่วงบ่ายจะพยายามลดช่วงลบลง แต่ยังไม่สามารถยืนเหนือบริเวณ 1,607 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ทำให้ราคาทองคำน่าจะมีโอกาสอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับโซน 1,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามหากยืนได้ราคาอาจเห็นการดีดตัวขึ้นระยะสั้นเพื่อทดสอบแนวต้านโซน 1,630-1,644 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์ Gold Futures:
Long Position ให้ขายทำกำไรหากราคาทองคำยังไม่สามารถยืนเหนือ 1,630-1,644 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ และหากต้องการเปิดสถานะซื้อใหม่อาจรอเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นถ้าราคาทองคำไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์
Short Position หากราคาทองคำย่อตัวลงมาไม่หลุดโซน 1,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำปิดสถานะทำกำไร แต่หากหลุดแนวรับดังกล่าว ให้เลื่อนไปปิดสถานะทำกำไรบริเวณ 1,548 ดอลลาร์ต่อออนซ์
Open New จับตาแนวรับโซน 1,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนได้แข็งแกร่งให้ใช้เป็นจุดเปิดสถานะซื้อ (ตัดขาดทุนหากผ่าน 1,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ทั้งนี้ หากราคาทองคำปรับตัวขึ้น อาจปิดสถานะเพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,630-1,644 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวสารประกอบการลงทุน
- (+) ดอลลาร์ปรับลงเล็กน้อยจากมาตรการการคลังครั้งใหญ่ของสหรัฐ ดอลลาร์ปรับตัวลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันในวันนี้ ขณะที่ข้อตกลงสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐด้วยแผนกระตุ้นการคลังครั้งใหญ่มีแนวโน้มว่าจะบรรเทาความต้องการเงินสดบางส่วนที่พุ่งขึ้นโดยได้รับแรงผลักดันจากการระบาดครั้งใหญ่ของไวรัส นายมิตช์ แม็คคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐกล่าวว่าแผนที่คาดว่าจะอยู่ในวงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ ได้รับความเห็นชอบ และจะได้รับการลงมติในช่วงต่อไปของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ดอลลาร์ออสเตรเลียดีดตัวขึ้นกว่า 60 เซนต์เป็นครั้งแรกในรอบ 1 สัปดาห์ ขณะที่มีข่าวข้อตกลงดังกล่าว และต่อมาขยายแรงบวกสู่ 0.6047 ดอลลาร์ ปอนด์ปรับขึ้น 0.6% สู่ระดับสูงสุดของวัน ที่ 1.1834 ดอลลาร์ และนิวซีแลนด์บวก 1% มาที่ 0.5894 ดอลลาร์ ยูโรปรับขึ้น 0.3% มาที่ 1.0819 ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินต่างๆ ดอลลาร์ปรับลง 0.2% มาที่ 101.43 ดอลลาร์ทรงตัวในวงกว้าง เมื่อเทียบกับเยน ที่ 111.17 เยนต่อดอลลาร์
- (+/-) ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดพุ่งขึ้น ขานรับมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 ของสหรัฐ ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดวันนี้พุ่งสูงขึ้น ภายหลังจากที่วุฒิสมาชิกและเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้บรรลุข้อตกลงเรื่องมาตรการเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่ง 2.3% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดวันนี้ที่ 4,339.71 จุด เพิ่มขึ้น 97.01 จุด, +2.29% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันเปิดที่ 9,987.37 จุด เพิ่มขึ้น 286.80 จุด, +2.96% ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นยุโรป ได้รับแรงหนุนจากการที่ทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตได้บรรลุข้อตกลงในการใช้มาตรการเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ก่อนหน้านี้ ตลาดการเงินทั่วโลกคาดหวังว่า สภาคองเกรสสหรัฐน่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการใช้มาตรการดังกล่าว ซึ่งมีวงเงินสูงถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ข้อมูลล่าสุดจากสถาบันสุขภาพ RKI ระบุว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเยอรมนี เพิ่มขึ้นอีก 4,191 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 31,554 ราย ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 36 ราย ซึ่งทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ในเยอรมนี พุ่งขึ้นเป็น 149 ราย
- (+/-) กนง.มีมติ 4 ต่อ 2 คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% มองแนวโน้มศก.ปีนี้หดแรง-เงินเฟ้ออาจติดลบ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 4 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 0.75 ต่อปี ขณะที่กรรมการ 1 คนลาประชุม ทั้งนี้ กนง.มองแนวโน้มเศรษฐกิจปีนี้หดตัวแรง อัตราเงินเฟ้ออาจติดลบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดรุนแรง ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ กนง. เปิดเผยว่า การระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปี 2563 มีแนวโน้มหดตัวแรงจากปีก่อน อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มติดลบ อย่างไรก็ดี ระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ ตลาดการเงินได้เริ่มกลับมาทำงานปกติ นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่าการระบาดของโควิด-19 ในระยะข้างหน้ายังมีความรุนแรง รวมทั้งจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งในภาวะเช่นนี้ คณะกรรมการฯ สนับสนุนมาตรการดูแลผู้ได้รับผลกระทบอย่างตรงจุดของรัฐบาลที่ได้ประกาศไปแล้ว รวมทั้งจะต้องดำเนินการช่วยบรรเทาปัญหาสภาพคล่องและเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ โดยเฉพาะครัวเรือนและธุรกิจ SMEs ให้เกิดผลชัดเจนเป็นรูปธรรมเพิ่มเติมจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมนัดพิเศษที่ผ่านมา
- (+/-) ทำเนียบขาว-วุฒิสมาชิกสหรัฐบรรลุข้อตกลงมาตรการกระตุ้นศก.,บรรเทาผลกระทบไวรัสโคโรนา นายอีริค อูแลนด์ เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุวันนี้ว่า วุฒิสมาชิกสหรัฐและเจ้าหน้าที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจของการระบาดของไวรัสโคโรนา เขากล่าวว่า “เราได้ข้อตกลงแล้ว” หลังเจรจามาตรการดังกล่าวหลายวัน ซึ่งคาดว่ามาตรการนี้จะอยู่ในวงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์
