วิเคราะห์ราคาทองคำ 24 มี.ค.63(ภาคเช้า) by YLG


โดย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
คำแนะนำ :
เน้นเก็งกำไรในกรอบ แม้ว่าแนวโน้มราคาทองคำจะเป็นบวกเพิ่มขึ้น แต่ราคายังคงมีความผันผวน ทั้งนี้ แนะนำเปิดสถานะซื้อในโซน 1,552-1,547 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาหลุด 1,516 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนวรับ : 1,547 1,516 1,482 แนวต้าน : 1,597 1,632 1,671
ปัจจัยพื้นฐาน :
ราคาทองคำวานนี้ทะยานขึ้น 65.41 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ +4.4% โดยได้รับแรงหนุนอย่างมากหลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ได้เข้าแทรกแซงตลาดครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทั้งนี้ เฟดประกาศมาตรการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE)ในวงเงิน “Unlimited : ไม่จำกัด” รวมถึงขยายประเทศหลักทรัพย์ที่จะเข้าซื้อ พร้อมกันนี้เฟดได้เพิ่มวงเงิน 3 แสนล้านดอลล์สำหรับโครงการปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ และโครงการสินเชื่อที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันที่มีการใช้ในช่วงที่เกิดวิกฤตทางการเงิน สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในทันทีซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในสหรัฐที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจหลังจากหลายรัฐในสหรัฐประกาศ Lockdown ส่วนวุฒิสภาสหรัฐยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องมาตรการเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจ ส่งผลกดดันให้ดัชนี Dow Jones ปิดร่วงลง 582.05 จุด หรือ -3.04% อย่างไรก็ดี ราคาทองคำวานนี้ไม่ได้ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นแต่อย่างใด จึงต้องจับตาความสัมพันธ์ระหว่าง 2 สินทรัพย์นี้อย่างใกล้ชิด หากกลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามต่อเนื่องอาจสะท้อนว่าแรงขายทองคำจากความต้องการสภาพคล่องในหมู่นักลงทุนเริ่มบรรเทาเบาบางลงแล้ว ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่มมาก +15.8 ตัน บ่งชี้กระแสเงินทุนที่เริ่มไหลกลับเข้าสู่การลงทุน ETF ทองคำอีกครั้ง สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ, ดัชนีภาคการผลิตจากเฟดริชมอนด์ และ ยอดขายบ้านใหม่
ปัจจัยทางเทคนิค :
หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,597 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากครั้งที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากการอ่อนลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,552-1,547 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน :
หากราคาไม่หลุด 1,552-1,547 ดอลลาร์ต่อออนซ์ลงมา แนะนำเปิดสถานะซื้อในโซนดังกล่าว เพื่อหวังขายทำกำไรหากราคาทองคำไม่สามารถกลับขึ้นยืนเหนือ 1,597 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามการลงทุนควรเป็นในลักษณะเก็งกำไรระยะสั้น โดยตัดขาดทุนทันทีหากหลุด 1,516 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรคำนึงถึงความผันผวนของราคาเพื่อประกอบการตัดสินใจ
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) เฟดทุ่มไม่อั้น ประกาศทำ QE ไม่จำกัดวงเงิน รับมือโควิด-19 ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในวันนี้เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มาตรการดังกล่าว รวมถึง การซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงินไม่จำกัด เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของตลาด และความมีประสิทธิภาพในการใช้นโยบายการเงิน ท่ามกลางสภาวะทางการเงินและเศรษฐกิจในปัจจุบัน นอกจากนี้ เฟดจะเพิ่มวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์สำหรับโครงการปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ และโครงการสินเชื่อที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันที่มีการใช้ในช่วงที่เกิดวิกฤตทางการเงิน ขณะเดียวกัน เฟดระบุว่าจะทำ QE โดยรวมถึงการเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่มีตราสารจำนองเชิงพาณิชย์ค้ำประกัน ซึ่งจะบ่งชี้ว่าเฟดได้ขยายการทำ QE ให้รวมถึงตราสารเชิงพาณิชย์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ การดำเนินการของเฟดในวันนี้ ถือเป็นการดำเนินการแทรกแซงตลาดครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เฟดเคยดำเนินการ
- (+) IMF คาดเศรษฐกิจโลกปีนี้จะเข้าสู่ภาวะถดถอยเลวร้ายเท่ากับในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินโลก นางคริสตาลินา จอร์จีวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า IMF คาดว่า แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะติดลบ โดยอย่างน้อยที่สุดเศรษฐกิจก็จะเข้าสู่ภาวะถดถอยที่เลวร้ายพอๆ กับในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินโลก หรืออาจะเลวร้ายยิ่งกว่า นางจอร์จีวาแสดงความเห็นดังกล่าวในการประชุมทางโทรศัพท์ระหว่างรมว.คลังและผู้ว่าการธนาคารกลุ่ม G20 ที่หารือเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แม้แถลงการณ์ของ IMF หลังการประชุมดังกล่าวคาดว่า เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้นในปี 2564 ก็ตาม นางจอร์จีวาระบุว่า เรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกคือการควบคุมและการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบสุขภาพในทุกๆ ประเทศ ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะรุนแรง แต่ยิ่งเราหยุดไวรัสได้เร็วเท่าไหร่ เศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวแข็งแกร่งและเร็วเท่านั้น
- (+) ดอลล์อ่อนเทียบยูโร หลังเฟดประกาศอัดฉีด QE ไม่จำกัดวงเงิน ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรและฟรังก์สวิส ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งรวมถึงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงินไม่จำกัด ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0733 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0654 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.1528 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1569 ดอลลาร์ ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9840 ฟรังก์ จากระดับ 0.9891 ฟรังก์ แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.50 เยน จากระดับ 111.17 เยน
- (+) เจ้าหน้าที่สหรัฐเตือนโควิด-19 ระบาดหนักสัปดาห์นี้ นพ.เจอโรม อดัมส์ เจ้ากรมการแพทย์ทหารสหรัฐ ระบุเตือนว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะมีความรุนแรงขึ้นในสัปดาห์นี้ เนื่องจากชาวอเมริกันทั่วประเทศไม่ได้ให้ความสนใจต่อเรื่องดังกล่าวมากนัก “ผมต้องการให้อเมริกาเข้าใจว่า สถานการณ์ในสัปดาห์นี้จะเลวร้ายลง โดยเชื้อโรคกำลังแพร่ระบาด เนื่องจากคนจำนวนมาก โดยเฉพาะคนวัยหนุ่มสาว ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ระบุให้ชาวอเมริกันอยู่กับบ้าน และรักษาระยะห่างในสังคม” นพ.อดัมส์กล่าว
- (+/-)ดาวโจนส์ปิดร่วง 582.05 จุด นลท.กังวลผลกระทบโควิด-19 แม้เฟดออกมาตรการกระตุ้นครั้งใหญ่ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.) โดยแม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ซึ่งรวมถึงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงินไม่จำกัด แต่ก็ไม่สามารถทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากหลายรัฐในสหรัฐประกาศมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด เช่นเดียวกับหลายประเทศในยุโรปที่กำลังดำเนินการในขณะนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,591.93 จุด ร่วงลง 582.05 จุด หรือ -3.04% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,860.67 จุด ลดลง 18.84 จุด หรือ -0.27% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,237.40 จุด ลดลง 67.52 จุด หรือ -2.93%
