วิเคราะห์ราคาทองคำ 23 ธ.ค.63(ภาคเช้า) by HGF

โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)
ทองคำถูกกดดันจากตัวเลข GDP ของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่ง
คืนนี้สหรัฐประกาศดัชนีราคา PCEพื้นฐานเดือนพ.ย.
แนวโน้มราคาทองคำคาดปรับตัวลงสู่แนวรับ 1,860 ดอลลาร์
- ราคาทองคำ Spot ปรับตัวลงจากแรงกดดันการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ภายหลังตัวเลข GDP ของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2490 หรือกว่า 70 ปีก่อนหน้านี้ ทั้งนี้เนื่องจากรัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้มีการเปิดเศรษฐกิจ และเริ่มมีการจ้างงาน หลังจากที่ได้ปิดเศรษฐกิจเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสแก้ไขเนื้อหาในร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ขายทองคำ 2.33 ตันเมื่อวาน
- คืนนี้สหรัฐประกาศดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานเดือนพ.ย. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 0.1% จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ตลาดคาดจะอยู่ที่ 882,000 ราย ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. ตลาดคาดจะลดลงสู่ระดับ 994,000 ยูนิต และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.ของม.มิชิแกน จะลดลงอยู่ที่ระดับ 81.0
- แนวโน้มราคาทองคำคาดปรับตัวลงสู่แนวรับ 1,860 ดอลลาร์โดยมีแนวต้าน 1,890 ดอลลาร์ และแนวต้านถัดไปที่ 1,900 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวรับที่ 1,860 ดอลลาร์ และ 1,850 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,860.20 | -16.3 | 1,860/1,850 | 1,890/1,900 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
26,800 | +100 | 26,650/26,500 | 26,950/27,100 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
26,870 | -100 | 26,750/26,600 | 27,090/27,240 |
แนะนำเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาทองคำ Spot ปรับลงมาที่ 1,860 ดอลลาร์ (GF26,750 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,850 ดอลลาร์ (GF 26,600บาท) การลงทุนในทองแท่ง แนะนำทยอยซื้อสะสมที่ราคาทองคำ Spot 1,850 ดอลลาร์
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,872.50 | -15.1 | 1,860/1,850 | 1,890/1,900 |
แนะนำเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาGOZ20ปรับลงมาที่ 1,860 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,850 ดอลลาร์
News
ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์แข็งค่าวิตกไวรัสกลายพันธุ์หนุนนลท.รุกซื้อสกุลเงินปลอดภัย
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (22 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษนอกจากนี้ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการที่สภาคองเกรสสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.68% แตะที่ 90.6500 เมื่อคืนนี้
ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ:ทองปิดร่วง $12.5 จากคำสั่งขายสินทรัพย์ปลอดภัย-ดอลล์แข็งฉุดตลาด
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนที่ผ่านมา (22 ธ.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดนอกจากนี้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 3 ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยสัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 12.5 ดอลลาร์หรือ 0.66% ปิดที่ 1,870.3 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 84.4 เซนต์หรือ 3.2% ปิดที่ 25.535 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ:น้ำมันWTI ปิดลบ 95 เซนต์กังวลโควิดฉุดดีมานด์น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนที่ผ่านมา (22 ธ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่าการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษและการใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั้งในยุโรปและสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 95 เซนต์หรือ 2% ปิดที่ 47.02 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 83 เซนต์หรือ 1.6% ปิดที่ 50.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดหุ้นต่างประเทศ: ดาวโจนส์ปิดร่วง 200.94 จุดวิตกไวรัสกลายพันธุ์-ข้อมูลศก.ซบเซา
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนที่ผ่านมา (22 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษนอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐซึ่งรวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดิ่งลงสู่ระดับต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์โดยปัจจัยลบเหล่านี้ได้บดบังข่าวดีจากการที่สภาคองเกรสสหรัฐบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,015.51 จุดลดลง 200.94 จุดหรือ -0.67% ขณะที่ดัชนีS&P500 ปิดที่ 3,687.26 จุดลดลง 7.66 จุดหรือ -0.21% ส่วนดัชนีNasdaq ปิดที่ 12,807.92 จุดเพิ่มขึ้น 65.40 จุดหรือ +0.51%
สภาผู้แทนฯสหรัฐผ่านร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์แล้ว
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้วโดยขณะนี้ร่างมาตรการดังกล่าวได้ถูกส่งให้กับวุฒิสภาเพื่อทำการพิจารณาทั้งนี้คาดว่าวุฒิสภาสหรัฐจะให้การอนุมัติร่างมาตรการดังกล่าวในไม่ช้านี้ขณะที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์จะลงนามบังคับใช้มาตรการดังกล่าว
WHO ชี้ไวรัสโควิดกลายพันธุ์ในอังกฤษถือเป็นกระบวนการปกติ
นายแพทย์ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายโครงการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษถือเป็นกระบวนการปกติของการแพร่ระบาด นายแพทย์ไรอันระบุว่าการค้นพบไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่เป็นการบ่งชี้ว่าเครื่องมือใหม่ในการติดตามไวรัสดังกล่าวกำลังทำงานได้เป็นอย่างดี “การที่เราสามารถติดตามไวรัสได้อย่างใกล้ชิดเช่นนี้ ในแง่วิทยาศาสตร์แล้วถือเป็นพัฒนาการในเชิงบวกสำหรับระบบสาธารณสุขโลก และประเทศต่างๆที่ทำหน้าที่ตรวจสอบดังกล่าวสมควรได้รับคำชมเชย” นายแพทย์ไรอันกล่าว นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ WHO ยืนยันว่ายังไม่มีหลักฐานที่แสดงว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงขึ้น หรือมีความร้ายแรงกว่าไวรัสสายพันธุ์ปัจจุบัน แม้ว่าอาจจะมีการแพร่เชื้อได้ง่ายกว่า แต่ก็ยังช้ากว่าเมื่อเทียบกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ หรือไวรัสโรคคางทูม ทางด้านผู้เชี่ยวชาญต่างแสดงความเชื่อมั่นว่าวัคซีนในปัจจุบันจะสามารถต้านไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ขณะที่ทั่วโลกพากันตื่นตระหนกเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษ ซึ่งทำให้มีการแพร่เชื้อรวดเร็วกว่าเดิมถึง 70% ขณะนี้ สำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ได้อนุมัติเป็นการฉุกเฉินสำหรับวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ และโมเดอร์นา อิงค์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิน กุปตา จากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน กล่าวว่า เขามีความเชื่อมั่นว่าวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติในขณะนี้จะให้การป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้หลายสายพันธุ์ “ผมมีความเชื่อว่าวัคซีนที่เรามีในขณะนี้จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่จากอังกฤษ นอกเหนือจากสายพันธุ์เดิมที่เราได้ทำการศึกษามานานหลายเดือน” “วัคซีนเหล่านี้มีประสิทธิภาพเป็นพิเศษในการผลิตแอนติบอดีที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งผมไม่คิดว่าการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในระดับยีนของไวรัสจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของวัคซีนในระยะใกล้” เขากล่าว อย่างไรก็ดี ผู้ช่วยศาสตราจารย์กุปตากล่าวว่า ผู้ผลิตวัคซีนรุ่นใหม่อาจจะต้องทำการปรับปรุงเพื่อให้รองรับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ เช่นเดียวกับการผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ต้องมีการปรับปรุงเช่นกัน ทางด้านนายแพทย์วิเวก เมอร์ธี ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจากนายโจ ไบเดน ให้เป็นว่าที่เจ้ากรมการแพทย์ทหารสหรัฐ ก็ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เช่นกัน “ไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อว่าวัคซีนจะไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์อังกฤษ และยังไม่มีหลักฐานแสดงว่าไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวมีความร้ายแรงมากกว่าสายพันธุ์เดิม” “สำหรับประชาชนทั่วไป การสวมหน้ากากอนามัย การรักษาระยะห่างทางสังคม และการหมั่นล้างมือ ยังคงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19” นายแพทย์เมอร์ธีกล่าว
"ไบเดน" ฉีดวัคซีนโควิดเข็มแรกออกทีวีหวังสร้างความมั่นใจให้ชาวมะกัน
นายโจไบเดนว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเข้ารับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 และมีการถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์เมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐเพื่อกระตุ้นให้ชาวอเมริกันออกมาฉีดวัคซีน "ไม่มีอะไรต้องกังวลผมเฝ้ารอการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง" นายไบเดนกล่าวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในรัฐเดลาแวร์สำหรับวัคซีนโดสแรกที่นายไบเดนได้รับนั้นเป็นของบริษัทไฟเซอร์ซึ่งผ่านการรับรองโดยหน่วยงานของสหรัฐส่วนวัคซีนโดสที่สองนั้นเป็นของบริษัทโมเดอร์นาซึ่งเริ่มทยอยจัดส่งไปทั่วสหรัฐเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งนี้วัคซีนจากทั้งสองบริษัทนั้นจะต้องทำการฉีดเป็นจำนวนสองโดสโดยเว้นระยะห่างระหว่างโดสหลายสัปดาห์ทางด้านนางจิลล์ไบเดนว่าที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐได้เข้ารับการฉีดวัคซีนโดสแรกเมื่อวานนี้เช่นกันขณะที่นางคามาลาแฮร์ริสว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐและสามีนายดอจเอ็มฮอฟฟ์จะเข้ารับการฉีดวัคซีนในสัปดาห์หน้าการฉีดวัคซีนของนายไบเดนในช่วงเวลาที่รัฐบาลสหรัฐต้องการเร่งฉีดวัคซีนให้ชาวอเมริกันทั่วประเทศโดยหวังว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็วทั้งนี้หลังเข้ารับการฉีดวัคซีนนายไบเดนได้กล่าวชื่นชมคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์โดยกล่าวว่า "โครงการแผนปฏิบัติการความเร็วสูง (Operation Warp Speed) สมควรที่จะได้รับคำชมที่ดำเนินงานนี้ได้สำเร็จ" นอกจากนี้นายไบเดนยังขอความร่วมมือชาวอเมริกันให้ยกเลิกแผนการเดินทางที่ไม่จำเป็นและสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา "เราเป็นหนี้บุญคุณคนเหล่านี้ทั้งนักวิทยาศาสตร์และประชาชนที่ร่วมกันทำภารกิจนี้ให้เกิดขึ้นมาได้รวมถึงบุคลากรด่านหน้าซึ่งเป็นผู้มีส่วนในการทดลองวัคซีนนี้นั่นเป็นสิ่งที่วิเศษมาก" นายไบเดนกล่าว
