วิเคราะห์ราคาทองคำ 2 เม.ย.63(ภาคเช้า) by YLG


โดย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
คำแนะนำ :
แนะนำซื้อขายทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว โดยจับตาบริเวณแนวต้านโซน 1,594-1,608 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือโซนดังกล่าวได้ แนะนำแบ่งทองคำออกขายเพื่อรอซื้อในโซนแนวรับ 1,561-1,547 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ : 1,561 1,547 1,535 แนวต้าน : 1,594 1,608 1,626
ปัจจัยพื้นฐาน :
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.07 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ราคาทองคำจะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ท่ามกลางแรงซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังการระบาดของไวรัส COVID-19 รุนแรงมากขึ้น ล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์เตือนให้ชาวอเมริกันเตรียมรับมือกับการระบาดรุนแรงในช่วง 2 สัปดาห์หน้า สอดคล้องกับผ.อ. WHO ที่เตือนว่าผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทั่วโลกจะทะลุ 1 ล้านคนและจะมีผู้เสียชีวิต 50,000 คนในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ประกอบกับการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐจาก ADP “ลดลงน้อยกว่าคาด” ที่ 27,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ส่วน ISM ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐ “ร่วงลงน้อยกว่าที่คาด” สู่ระดับ 49.1 ในเดือนมี.ค. จึงสร้างแรงหนุนให้กับสกุลเงินดอลลาร์เพิ่มเติม อย่างไรก็ดี ความวิตกว่าเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มถดถอย(Recession) ได้หนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางทั่วโลกโดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้เกิดแรงซื้อเข้ามาหนุนให้ราคาทองคำมีการดีดตัวขึ้นในที่สุด ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่ม +1.75 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน และไฮไลต์ คือ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์คาดจะทะลุ 3-4 ล้านราย
ปัจจัยทางเทคนิค :
หลังจากราคาทองคำพยายามกลับขึ้นไปทดสอบโซน 1,594-1,608 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ไม่สามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ แสดงถึงแรงซื้อในระดับจำกัด ทำให้ราคามีแนวโน้มอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ 1,566-1,561 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าไม่สามารถยืนได้ จะเกิดแรงขายออกมา โดยแนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 1,547 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน :
หากยังไม่สามารถผ่าน 1,594-1,608 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ แนะนำเปิดสถานะขาย (ตั้งจุดตัดขาดทุน 1,608 ดอลลาร์ต่อออนซ์ )เพื่อรอเข้าซื้อคืนเพื่อปิดสถานะขาย หรือ เปิดสถานะซื้อใหม่หากราคาทองคำยืนเหนือแนวรับบริเวณ 1,561-1,547 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) WHO เตือนยอดติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกทะลุ 1 ล้านราย ตายกว่า 50,000 รายในอีกไม่กี่วัน นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ WHO มีความกังวลอย่างมากต่อการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกจะมากกว่า 1 ล้านราย และผู้เสียชีวิตจะเกินกว่า 50,000 รายในเวลาอีกเพียงไม่กี่วัน “ในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา เราพบว่าจำนวนผู้ป่วยรายใหม่มีการเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยมีการพบผู้ติดเชื้อในเกือบทุกประเทศ ทุกภูมิภาค และทุกพื้นที่ ในขณะที่เมื่อ 3 เดือนก่อน เราแทบไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับไวรัสนี้” นายแพทย์ทีโดรสกล่าว
- (+) ขุนคลังสหรัฐหารือคองเกรสออกร่างกฎหมายสาธารณูปโภคหวังกระตุ้นศก. นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า เขากำลังหารือกับสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกร่างกฎหมายสาธารณูปโภค ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐให้ฟื้นตัวขึ้น หลังทรุดตัวลงท่ามกลางผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 “ท่านประธานาธิบดีมีความสนใจในเรื่องสาธารณูปโภค โดยท่านต้องการที่จะสร้างประเทศนี้ขึ้นมา และจากการที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำในขณะนี้ นี่จึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับท่าน” นายมนูชินกล่าว “เราได้หารือเรื่องนี้ตั้งแต่ปีที่แล้วกับพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน และผมมีการสนทนากับท่านส.ส.ริชาร์ด นีลในเรื่องนี้ ซึ่งเราจะยังคงสานต่อการหารือดังกล่าวต่อไป” เขากล่าว
- (-) โควิด-19 ถล่มการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐหดตัวครั้งแรกรอบ 10 ปี ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐลดลง 27,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 125,000 ตำแหน่ง หลังจากพุ่งขึ้น 179,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ.
- (-) ISM เผยดัชนีภาคการผลิตสหรัฐหดตัวในเดือนมี.ค. เหตุถูกกระทบจากโควิด-19 ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 49.1 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 50.1 ในเดือนก.พ. ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัว
- (-) ดอลล์แข็งเทียบสกุลเงินหลัก เหตุวิตกโควิด-19 หนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งสัญญารุนแรงมากขึ้น โดยล่าสุดทำเนียบขาวคาดการณ์ว่า ชาวอเมริกันอาจเสียชีวิตจากโควิด-19 สูงถึง 100,000-240,000 ราย ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9670 ฟรังก์ จากระดับ 0.9636 ฟรังก์ แต่เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 107.22 เยน จากระดับ 107.68 เยน ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0929 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1016 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2372 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2434 ดอลลาร์
- (+/-) ดาวโจนส์ปิดร่วง 973.65 จุด หลัง”ทรัมป์”เตือนสหรัฐรับมือวิกฤตโควิด-19 ระบาดรุนแรง ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีดิ่งลงกว่า 4% หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกโรงเตือนชาวสหรัฐให้เตรียมรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของไวรัสโควิด-19 ในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลและกดดันให้นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มต่างๆเป็นวงกว้าง ไม่เว้นแม้แต่หุ้น defensive stocks ซึ่งเป็นหุ้นที่ตลาดมองว่ามีความปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฏจักรทางเศรษฐกิจได้ดี เช่นหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,943.51 จุด ร่วงลง 973.65 จุด หรือ -4.44% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,470.50 จุด ลดลง 114.09 จุด หรือ -4.41% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,360.58 จุด ลดลง 339.52 จุด หรือ -4.41%
