GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 30 ก.ค.64(ภาคเช้า) by YLG

357

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

เปิดสถานะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาใกล้ 1,818-1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์) หรือหากรับความเสี่ยงได้ไม่มาก หรือ หากถือครองทองคำอยู่แล้วอาจเลือกชะลอการเข้าซื้อเพิ่ม

แนวรับ : 1,815 1,803 1,790  แนวต้าน : 1,841 1,856 1,872

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวานนี้ปิดทะยานขึ้น 21.71ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนอย่างต่อเนื่องจากการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์  หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน และส่งสัญญาณยังไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย  และยังไม่ตัดสินใจกำหนดช่วงเวลาของการเริ่มลดวงเงิน QEในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา  ขณะที่เมื่อวานนี้  ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อ หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมา “แย่เกินคาด” ทุกรายการ  ไม่ว่าจะเป็นประมาณการครั้งแรก GDP ประจำไตรมาส 2/2021 ที่เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 6.5% ในไตรมาส 2 “ต่ำกว่า” ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 8.5% ส่วนตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก “ลดลงน้อยกว่าคาด” สู่ระดับ 400,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว  ขณะที่ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 1.9% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือนสวนทางการคาดการณ์ว่าจะปรับตัวสูงขึ้น  ทั้งนี้  การเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แย่เกินคาด  ยิ่งกระตุ้นการคาดกาณ์ที่ว่าเฟดจะยังคงไม่เร่งรีบในการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงิน  นั่นทำให้ดัชนีดอลลาร์ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง -0.42% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนซึ่งหนุนให้ราคาทองคำทะยานขึ้นทำระดับสูงสุดบริเวณ 1,832.65  ดอลลาร์ต่อออนซ์ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่มขึ้น +5.82 ตัน สู่ระดับ 1,031.46 ตันสำหรับวันนี้  ติดตามการเปิดเผยดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE)ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ  รวมถึงการใช้จ่ายและรายได้ส่วนบุคคลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโก  และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.ค.จากUoM

- Advertisement -

จจัยทางเทคนิค :

หากราคาทองย่อตัวลงมาพยายามทรงตัวเหนือระดับ 1,818-1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,841 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาสามารถยืนได้เหนือบริเวณดังกล่าวได้ อาจขยับขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไป 1,856 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

จุดที่น่าสนใจในการเข้าซื้อเป็นบริเวณแนวรับ 1,818-1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าราคาย่อตัวลงมาต่ำกว่าแนวรับโซน1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ให้ชะลอดูทิศทางอีกครั้ง และ หาจังหวะที่ราคาทองคำดีดตัวขึ้นไม่ผ่านโซน 1,841 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แบ่งปิดสถานะทำกำไรบางส่วนแต่หากผ่านได้สามารถถือสถานะซื้อต่อ

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายลดลง สวนทางคาดการณ์สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 1.9% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังพุ่งขึ้น 8.3% ในเดือนพ.ค.  นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีจะปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย.  เมื่อเทียบรายปี ดัชนีร่วงลง 1.9% ในเดือนมิ.ย.
  • (+) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 400,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 424,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้  อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 380,000 ราย
  • (+) สหรัฐเผย GDP Q2/64 โต 6.5% ต่ำกว่าคาดการณ์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2564 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 6.5% ในไตรมาส 2 หลังจากที่ขยายตัว 6.4% ในไตรมาส 1 ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 8.5% ในไตรมาส 2 ซึ่งจะเป็นการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2526
  • (+) ไบเดน’ เผยรัสเซียเริ่มแทรกแซงการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ปี 2022 ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมเจ้าหน้าที่ด้านข่าวกรองและความมั่นคงจาก 17 หน่วยงานที่สำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ ประธานาธิบดีไบเดนเปิดเผยว่ารัสเซียได้เริ่มแทรกแซงและเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือนก่อนหน้าการเลือกตั้งกลางสมัยของสหรัฐฯ ในปีหน้าแล้ว  ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ยังย้ำด้วยว่า ในฐานะผู้นำประเทศ ตนต้องการข้อมูลข่าวกรองที่ตรงไปตรงมาและความเห็นซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับการตัดสินใจที่จำเป็น  ในการกล่าวต่อเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงราว 120 คนจากหน่วยงานด้านข่าวกรอง 17 หน่วยงานของสหรัฐฯ ในวันพุธ ประธานาธิบดีไบเดนได้เปิดเผยข้อมูลซึ่งดูเหมือนจะมาจากการบรรยายสรุปประจำวันจากชุมชนข่าวกรองของรัฐบาลสหรัฐฯ ว่า ควรสังเกตว่าขณะนี้รัสเซียกำลังทำอะไรอยู่เกี่ยวกับการเลือกตั้งกลางสมัยของสหรัฐฯ ในปีหน้า  และว่าพฤติกรรมดังกล่าวซึ่งรวมถึงการเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือนนับเป็นการละเมิดอธิปไตยของสหรัฐฯ อย่างแท้จริง นอกจากนั้น ประธานาธิบดีไบเดนยังคาดด้วยว่า การโจมตีทางไซเบอร์ซึ่งมาจากกลุ่มบุคคลหรือองค์กรที่ได้รับความสนับสนุนจากจีนและรัสเซียจะเพิ่มระดับสูงขึ้น และเสริมว่าขีดความสามารถทางไซเบอร์ของคู่ปรับของสหรัฐฯ กำลังเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ เช่นกัน
  • (+) ดอลล์อ่อน ผิดหวังข้อมูลศก.-เฟดส่งสัญญาณไม่เร่งขึ้นดบ. ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน และส่งสัญญาณยังไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ขยายตัวน้อยกว่าคาดในไตรมาส 2  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.45% แตะที่ 91.8713 เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.46 เยน จากระดับ 109.95 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9055ฟรังก์ จากระดับ 0.9106ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2439 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2526 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1890 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1841 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3967 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3906ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7400 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7372 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 153.60 จุด ขานรับผลประกอบการสดใส  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงฟอร์ด มอเตอร์ และยัม แบรนด์ส ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของพิซซ่า ฮัท และเคนตั๊กกีฟรายชิกเก้น (KFC) นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมองว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2 อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,084.53 จุด เพิ่มขึ้น 153.60 จุด หรือ +0.44% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,419.15 จุด เพิ่มขึ้น 18.51 จุด หรือ +0.42% ดัชนี Nasdaqปิดที่ 14,778.26 จุด เพิ่มขึ้น 15.68 จุด หรือ +0.11%

- Advertisement -

Comments
Loading...