GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 2 ธ.ค.64 by HGF

285

- Advertisement -

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

ทองคำได้แรงหนุนความกังวลการระบาดสายพันธุ์โอไมครอน

คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ราคาทองคำ Spotยังคงมีแนวโน้มปรับลดลง

  • ราคาทองคำ Spot เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น จากสกุลเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวอ่อนค่า รวมถึงได้รับปัจจัยหนุนจากการร่วงลงแรงของตลาดหุ้นสหรัฐ   เนื่องจากได้มีการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในสหรัฐ ส่งผลทำให้นักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวการระบาดของไวรัสดังกล่าวจึงมีแรงเข้าซื้อทองคำเข้ามา ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ขายทองคำสุทธิ 2.03 ตัน
  • คืนนี้สหรัฐจะประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตลาดคาดว่าเพิ่มขึ้น 39,000 ราย สู่ระดับ 238,000 ราย
  • หากราคาทองคำยังไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์ ราคาทองคำ Spotยังคงมีแนวโน้มปรับลดลงโดยมีแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์ และ 1,810 ดอลลาร์ขณะที่มีแนวรับที่ 1,770 ดอลลาร์ และ 1,760 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,781.13+7.231,770/1,7601,800/1,810

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,450-20028,250/28,15028,700/28,850

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,570-2028,420/28,30028,850/29,010

การเข้าซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวแนะนำเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,760ดอลลาร์ (GF 28,300บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,750ดอลลาร์ (GF28,100บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

การเข้าซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวแนะนำเมื่อราคาGOZ21ปรับลงมาที่ 1,761 ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,751ดอลลาร์

ค่าเงิน

- Advertisement -

ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าเล็กน้อย โดยมีเงินทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดพันบัตรและตลาดหุ้น แต่อย่างไรทิศทางค่าเงินบาทระยะสั้นคาดว่ายังคงมีทิศทางอ่อนค่า โดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33.44บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน33.94บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ:ดอลล์แข็งค่าเล็กน้อยตลาดจับตาผลกระทบไวรัสโอไมครอน

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (1 ธ.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนหลังสหรัฐยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวในประเทศนอกจากนี้นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ทั้งนี้ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.02% แตะที่ 96.0316 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ :ทองปิดบวก $7.8 เหตุวิตกโอไมครอนหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (1 ธ.ค.) เนื่องจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐและความวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนเป็นปัจจัยหนุนนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 7.8 ดอลลาร์หรือ 0.44% ปิดที่ 1,784.3 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 47.6 เซนต์หรือ 2.09% ปิดที่ 22.339 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดลบ 61 เซนต์วิตกข่าวพบโอไมครอนในสหรัฐ

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (1 ธ.ค.) หลังมีรายงานว่าสหรัฐพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในประเทศซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันทั้งนี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 61 เซนต์หรือ 0.9% ปิดที่ 65.57  ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 36 เซนต์หรือ 0.5% ปิดที่ 68.87 ดอลลาร์/บาร์เรล

ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดร่วง 461.68 จุดตื่นข่าวสหรัฐพบโอไมครอนรายแรก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลงกว่า 400 จุดเมื่อคืนที่ผ่านมา (1 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนกเกี่ยวกับข่าวการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในสหรัฐโดยหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มโรมแรมร่วงลงทันทีจากรายงานข่าวดังกล่าว ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,022.04 จุดลดลง 461.68 จุดหรือ -1.34%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,513.04 จุดลดลง 53.96 จุดหรือ -1.18% และดัชนีNasdaq ปิดที่ 15,254.05 จุดลดลง 283.64 จุดหรือ -1.83

WHO เตือนการสกัดโอไมครอนแบบเหวี่ยงแหเสี่ยงปกปิดข้อมูลกลายพันธุ์ในอนาคต

องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาเตือนว่ามาตรการระงับการเดินทางแบบเหวี่ยงแห (Blanket Travel Bans) นั้นไม่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนได้ทั่วโลกแม้หลายประเทศจะได้นำมาตรการดังกล่าวไปใช้แล้วก็ตามแม้WHO จะจัดให้ไวรัสโอไมครอนเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลแต่WHO ก็เตือนว่ามาตรการระงับการเดินทางแบบเหวี่ยงแหมีแต่จะสร้างภาระหนักต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนอีกทั้งยังทำให้ประเทศต่างๆขาดความกระตือรือร้นที่จะรายงานและเผยแพร่ข้อมูลด้านระบาดวิทยาและลำดับทางพันธุกรรมของไวรัสทั้งนี้WHO รายงานพบไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนเป็นครั้งแรกในแอฟริกาใต้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยจนถึงขณะมีหลายประเทศและภูมิภาคได้ยืนยันแล้วว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน   “มีการคาดการณ์ถึงแนวโน้มที่ว่าจะมีหลายประเทศที่ตรวจสอบไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนเพิ่มขึ้นเนื่องจากรัฐบาลของประเทศต่างๆเริ่มยกระดับการเฝ้าระวังและการตรวจหาลำดับพันธุกรรมของไวรัส” WHO ระบุในคำแนะนำการเดินทางฉบับแก้ไข

ก.คลังสหรัฐจ่อถังแตกอีกรอบก่อนสิ้นเดือนนี้หากไม่เพิ่มเพดานหนี้

สำนักงานงบประมาณแห่งสภาคองเกรสสหรัฐ (CBO) เตือนว่างบประมาณของกระทรวงการคลังสหรัฐอาจจะหมดลงก่อนสิ้นเดือนธ.ค.นี้หากสภาคองเกรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้รายงานล่าสุดของCBO ระบุว่าขณะนี้หนี้สินของกระทรวงการคลังสหรัฐพุ่งชนเพดานรอบใหม่ที่ระดับ 28.9 ล้านล้านดอลลาร์แล้วซึ่งทำให้กระทรวงการคลังไม่สามารถกู้ยืมเงินได้อีกภายใต้กระบวนการดำเนินงานตามกฎหมายพร้อมระบุว่ากระทรวงการคลังกำลังใช้มาตรการพิเศษเพื่อเปิดทางให้กระทรวงยังคงสามารถกู้ยืมได้เพิ่มเติมในระยะเวลาที่จำกัดทั้งนี้CBO ประมาณการว่าหากสภาคองเกรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้และหากกระทรวงการคลังจัดสรรเงินเข้าสู่กองทุนHighway Trust Fund มูลค่า 1.18 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 15 ธ.ค.ตามแผนการที่วางไว้งบประมาณของกระทรวงก็อาจจะหมดลงก่อนสิ้นเดือนธ.ค.   ทางด้านนางเจเน็ตเยลเลนรัฐมนตรีคลังสหรัฐคาดการณ์ว่าหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐจะพุ่งชนเพดานในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ซึ่งช้ากว่าที่เธอคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ในวันที่ 3 ธ.ค.เป็นเวลาเกือบ 2 สัปดาห์  “เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมาปธน.โจไบเดนได้ลงนามในกฎหมายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานซึ่งจะมีการจัดสรรเงินเข้าสู่กองทุนHighway Trust Fund ภายในระยะเวลา 1 เดือนหลังจากกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้และกระบวนการโอนเงินจะเสร็จสิ้นในวันที่ 15 ธ.ค.”  “แม้ดิฉันมีความมั่นใจอย่างมากว่ากระทรวงการคลังจะสามารถจัดสรรเงินให้กับรัฐบาลได้จนถึงวันที่ 15 ธ.ค. และสามารถจัดสรรเงินเข้าสู่กองทุนHighway Trust Fund แต่เมื่อประเมินจากสถานการณ์ในขณะนี้แล้วดิฉันคิดว่ากระทรวงการคลังอาจจะไม่มีทรัพยากรมากเพียงพอที่จะจัดสรรให้กับรัฐบาลได้ภายหลังวันที่ 15 ธ.ค.” นางเยลเลนกล่าวนางเยลเลนยังกล่าวด้วยว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้รัฐบาลสหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ซึ่งอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยและบั่นทอนสถานะของสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินสำรองของโลกทั้งนี้เพดานหนี้คือจำนวนเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐได้รับอนุญาตให้ทำการกู้ยืมเพื่อให้รัฐบาลสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมายซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการด้านประกันสังคมและด้านสุขภาพ, ดอกเบี้ยตราสารหนี้ของรัฐบาลและการใช้จ่ายอื่นๆ

“พาวเวล” ส่งสัญญาณปิดฉากQE เร็วกว่าคาดหลังเงินเฟ้อพุ่ง

นายเจอโรมพาวเวลประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่าเฟดอาจปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) มากกว่าเดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์โดยเฟดจะมีการหารือกันในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 14-15 ธ.ค.   “ขณะนี้เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งมากและแรงกดดันจากเงินเฟ้อได้เพิ่มสูงขึ้นผมจึงเห็นว่าถึงเวลาเหมาะสมแล้วที่เฟดจะพิจารณายุติโครงการซื้อพันธบัตรให้เร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเดือนโดยเราจะหารือกันในการประชุมครั้งต่อไป” นายพาวเวลกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้ทั้งนี้คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมวันที่ 3 พ.ย. และเฟดจะปรับลดวงเงินQE เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์เริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย. โดยเฟดจะปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเดือนละ 10,000 ล้านดอลลาร์และปรับลดวงเงินซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) เดือนละ 5,000 ล้านดอลลาร์การลดวงเงินQE ดังกล่าวจะทำให้เฟดยุติการทำQE โดยสิ้นเชิงในกลางปี 2565    ก่อนหน้านี้เฟดได้ทำQE เดือนละ 120,000 ล้านดอลลาร์โดยเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์และซื้อตราสารหนี้MBS ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์

- Advertisement -

Comments
Loading...