GOLD.in.th
ราคาทองวันนี้ ข่าวสาร วิเคราะห์ ทองคำ
เพิ่มเพื่อน

เพิ่มเพื่อนบัญชีทางการของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 11 มิ.ย.64(ภาคเช้า) by YLG

285

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

เปิดสถานะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาใกล้ 1,873-1,869 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,869 ดอลลาร์ต่อออนซ์) หรือหากรับความเสี่ยงได้ไม่มาก หรือ หากถือครองทองคำอยู่แล้วอาจเลือกชะลอการเข้าซื้อเพิ่ม

แนวรับ : 1,869 1,857 1,843  แนวต้าน : 1,903 1,917 1,934

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น  9.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ระหว่างวันราคาทองคำอ่อนตัวลงหลังธนาคารกลางยุโรป(ECB)ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยและวงเงินในการซื้อพันธบัตรในประชุมนโยบายการเงินประจะเดือนมิ.ย. พร้อมได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ  แต่  ECB ระบุว่า  จะเข้าซื้อสินทรัพย์ตามโครงการ PEPP เพิ่มเติมในไตรมาสหน้า “ในอัตราที่สูงกว่าไตรมาสแรกอย่างมีนัยสำคัญ” สะท้อนการเดินหน้านโยบายการเงินแบบผ่อนคลายซึ่งเป็นปัจจัยกดดันยูโรและทองคำ  ส่งผลให้ราคาทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 1,870.23 ดอลลาร์ต่อออนซ์  อย่างไรก็ดี  ราคาทะยานขึ้นในเวลาต่อมา  โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 5.0% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2008 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.7% สถานการณ์ดังกล่าวกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ  ขณะที่นักลงทุนยังคงเชื่อว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นจากปัจจัยชั่วคราวนี้ จะไม่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย  หรือ  เร่งปรับลด QE ในระยะนี้  นั่นเป็นปัจจัยสำหรับที่กลับมากดดันดัชนีดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีให้ปรับตัวลง  จนช่วยหนุนให้ราคาทองคำทะยานขึ้นเกือบ 30 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับต่ำสุดในระหว่างวันสู่ระดับสูงสุดบริเวณ   1,899.84 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่ม +1.45 ตัน  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยคาดการณ์ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ จากม.มิชิแกน 

- Advertisement -

จจัยทางเทคนิค :

แม้ว่าวานนี้ราคาจะปรับตัวขึ้นและแรงขายจะลดลง แต่แรงช้อนซื้อสลับเข้ามาก็ไม่มาก ซึ่งหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือ 1,903  ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจมีผลให้ราคาปรับตัวลงเพื่อแกว่งตัวสะสมแรงซื้อ เบื้องต้นหากอ่อนตัวลงของราคาไม่มาก หรือสามารถยืนเหนือ 1,873-1,869 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มีโอกาสเกิดแรงซื้อดันราคากลับขึ้นมาอีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน :

การเข้าซื้อยังคงเน้นการเก็งกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว โดยเข้าซื้อหากราคาเคลื่อนไหวเหนือบริเวณแนวรับ 1,873-1,869 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,869 ดอลลาร์ต่อออนซ์) เมื่อราคาดีดตัวขึ้นไม่ผ่านโซน 1,903-1,917 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ปิดสถานะซื้อทำกำไร

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานลดลงติดต่อกัน 6 สัปดาห์  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 376,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบเกือบ 15 เดือน หรือนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐเมื่อเดือนมี.ค.2563
  • (+) เตือนวัยรุ่น 16-24 ปีเสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์-โมเดอร์นาเข็ม 2  ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) ออกแถลงการณ์เตือนว่า วัยรุ่นที่มีอายุ 16-24 ปีจำนวนมากกว่าคาดมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หลังจากที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 2 ของไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา  CDC ระบุว่า ข้อมูลจากระบบตรวจสอบความปลอดภัยของวัคซีน ณ วันที่ 31 พ.ค. พบว่า วัยรุ่นที่มีอายุ 16-24 ปีจำนวน 275 คนมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในช่วง 10-102 คน  นอกจากนี้ ยังมีรายงานพบผู้ที่มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจำนวน 475 คนในกลุ่มคนที่มีอายุ 30 ปีหรือต่ำกว่า หลังจากได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 2 ของไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 19.10 จุด นลท.เมินเงินเฟ้อ-หุ้นสุขภาพพุ่งหนุนตลาด  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 มิ.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮ เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกว่า การพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐจะเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราวและจะไม่ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินในระยะนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะหุ้นไฟเซอร์ที่พุ่งขึ้นกว่า 2%  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,466.24 จุด เพิ่มขึ้น 19.10 จุด หรือ +0.06% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,239.18 จุด เพิ่มขึ้น 19.63 จุด หรือ +0.47% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,020.33 จุด เพิ่มขึ้น 108.58 จุด หรือ +0.78%
  • (-) โมเดอร์นาขออนุมัติ FDA ฉีดวัคซีนโควิดให้วัยรุ่น 12-17 ปี  บริษัทโมเดอร์นา อิงค์แถลงในวันนี้ว่า ทางบริษัทได้ยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เพื่อขออนุมัติการใช้วัคซีนโควิด-19 สำหรับวัยรุ่นอายุ 12-17 ปีในกรณีฉุกเฉิน  โมเดอร์นาระบุว่า หากได้รับการอนุมัติ ทางบริษัทจะขยายการฉีดวัคซีนไปยังกลุ่มนักศึกษาระดับมัธยมกลางและมัธยมปลายก่อนเปิดปีการศึกษาใหม่ 
  • (+/-) สหรัฐเผยเงินเฟ้อพุ่งเกินคาดในเดือนพ.ค.  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันนี้ โดยระบุว่า ดัชนี CPI ดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนเม.ย.  เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 5.0% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.7% หลังจากเพิ่มขึ้น 4.2% ในเดือนเม.ย.  นอกจากนี้ หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานพุ่งขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนเม.ย.  เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานพุ่งขึ้น 3.8% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 29 ปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 3.5% หลังจากเพิ่มขึ้น 3.0% ในเดือนเม.ย.
  • (+/-)ECB มีมติคงดอกเบี้ย,วงเงินซื้อพันธบัตรในการประชุมวันนี้  ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและวงเงินในการซื้อพันธบัตรในการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้  ทั้งนี้ ที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%  นอกจากนี้ ECB มีมติคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) ที่ระดับ 1.85 ล้านล้านยูโร ซึ่ง ECB จะซื้อพันธบัตรตามโครงการดังกล่าวจนถึงเดือนมี.ค.2565 โดยจะซื้อพันธบัตรในวงเงินเดือนละ 2 หมื่นล้านยูโร
  • (+/-) ยูโรอ่อนค่า หลัง ECB คงดอกเบี้ย-วงเงินซื้อพันธบัตร  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 มิ.ย.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและวงเงินในการซื้อพันธบัตรในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าเล็กน้อยหลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อ  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.05% แตะที่ 90.0749 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.41 เยน จากระดับ 109.57 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8948 ฟรังก์ จากระดับ 0.8958 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2088 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2103 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2171 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2178 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.4167 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4114 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7754 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7735 ดอลลาร์สหรัฐ

- Advertisement -

Comments
Loading...